เส้นทางสายโรแมนติค – The Cotswolds Driving Route

เมื่อมาอังกฤษ ขับรถเที่ยวเอง อีกเส้นทางหนึ่งที่ Knot อยากพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว คือ เส้นทางสายโรแมนติก – Romantic Route of England  เส้นทางนี้หลายคนอาจเรียนกันว่า The Cotswolds Driving Route หรือ เส้นทางการขับรถท่องเที่ยว Cotswolds

หากใครเป็นแฟนละครเรื่องปริศนา และท่านหญิงรัตนาวดี คงเคยได้เห็นหรือได้ยินกันมาบ้างค่ะ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ท่านชาย (จำชื่อพระเอกไม่ได้แล้ว) พาท่านหญิงรัตน์มาเที่ยวแล้วรถเสีย ต้องนอนในคอกม้า ตามท้องเรื่องนะคะ

Cotswolds

เส้นทางขับรถ Cotswolds Driving Route นี้ เป็นหนึ่งในเส้นทางสายโรแมนติค หรือ Romantic Route ที่มีความสวยงามมากเส้นหนึ่งของประเทศอังกฤษเลย ซึ่งขับจะผ่านหมู่บ้านต่างๆ ที่ท่านหญิงรัตน์แวะเที่ยวชม ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพื้นที่ ซึ่งคนอังกฤษจะเรียกบริเวณนี้ว่า Cotswolds หรือ ค็อตส์โวลดส์ ออกเสียงง่ายๆ ว่า คอตโวลดส์ ก็ได้ค่ะ Cotswolds มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ค่ะ ครอบคลุมเขต (County) ต่างๆ ถึง 5 เขต ด้วยกันคือ Gloucestershire, Oxfordshire, Warwickshire, Wiltshire และ Worcestershire

Map of Cotswolds
ที่มา: www.cotswolds.com

คำว่า Wolds ในภาษาอังกฤษของคนอังกฤษ หมายถึง ที่ราบสูง โล่งกว้าง มีทุ่งหญ้าปกคลุมหินปูน (Limestones) Cotswolds อยู่บริเวณภาคกลางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ใหญ่ 2,038 ตร.กม. จัดเป็นอันดับสองของประเทศรองจาก Lake District การเดินทางเที่ยว Cotswolds ของเราก็จะเริ่มจาก Bath ขับรถขึ้นไปถึง Oxford ระหว่างทางเราก็จะแวะเที่ยวเมืองต่างๆ ไปเรื่อยๆ

ตอนนี้ที่เขาใหญ่ ประเทศไทยก็มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อว่า Cotswolds ซึ่งผู้สร้างออกแบบก่อสร้างโดยอิงจากลักษณะอาคารและภูมิทัศน์ของ Cotswolds นั่นคือ ตัวบ้านจะสร้างเป็นลักษณะ English Cottage สูง 1-2 ชั้น สร้างด้วยหินที่เรียกว่า Cotswold stone ซึ่งเป็นหินปูนสีเหลือง หรือศัพท์เฉพาะก็คือ “Oolitic Jurassic limestone”

Knot มีโอกาสเดินทางมาเที่ยว Cotswolds ครั้งแรกตอนที่ Knot มาเรียนภาษาอังกฤษ หรือ Pre-Sessional Course ก่อนที่จะเริ่มเรียนปริญญาเอก เนื่องจากหลักสูตร Pre-sessional course ของ Bath เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาต่างชาติ ให้พร้อมใช้ชีวิตที่บาธ ก่อนเปิดเทอม ทางมหาวิทยาลัยจึงจัดให้มี One day trip ทุกสัปดาห์ พานักศึกษาเที่ยวเมืองใกล้ๆ เพื่อให้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษพร้อมเรียนรู้ความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นด้วย การเดินทางมา Cotwolds ครั้งนั้นเป็นฤดูร้อน ทุกหมู่บ้านจะมีทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นออกมาปิกนิคกันในสวนสาธารณะ Knot สนุกสนานมากกับบรรยากาศดีๆ ขนมอร่อยๆ โดยเฉพาะ Scones ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมืองแถบนี้เลย

หมู่บ้านหรือเมืองใน Cotswolds ที่มีขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยสีสันของความเป็นเมือง คือ Cheltenham, Cirencester, Tewkesbury Stroud และ Witney เมืองเหล่านี้จะมีการจัดงานเทศกาลเป็นประจำค่ะ ถ้าใครชอบเดินป่า เที่ยวสวนสัตว์เปิด ใน Cotswolds ก็มีให้ไปเที่ยวชมค่ะ

แต่ครั้งนี้ Knot เลือกที่จะพาไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ ที่สวยงาม ซึ่งต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางไปถึงนะคะ จริงๆ จะนั่งรถเมล์ก็ได้แต่อาจจะลำบากนิดนึงตรงที่ตารางเดินรถจะมีน้อยมากถึงไม่มีเลยในบางวัน โดยเฉพาะวันอาทิตย์ค่ะ

Knot

เส้นทางการขับรถ Cotswolds Driving Route ประจำทริปนี้

การเดินทางในระหว่างเมืองใหญ่ต่างๆ ใน Cotswolds สามารถทำได้โดยใช้รถไฟ รถบัส และรถยนต์ส่วนตัว แต่หากจะไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ รถบัสจะมีน้อยมาก อาจจะ 1-2 ชม/คัน Knot ขอแนะนำให้ขับรถเที่ยวจะสะดวกกว่าค่ะ เนื่องจากอังกฤษขับรถทางเดียวกับเรา จึงไม่ยากมาก แต่ถนนจะเล็กกว่ามาก และถนนสายนี้ไม่ค่อยมีรถค่ะ ขับค่อนข้างง่ายเลยค่ะ ทริปนี้เราเริ่มต้นจากการเดินทางออกจากบาธตอนสายๆ หลังอาหารเช้า ไป Castle Combe ต่อด้วย Bibury หมู่บ้านที่สวยที่สุดในแห่งหนึงของโลก แล้วไปทานมื้อกลางวันกันที่ Bourton on the water แวะชมบ้าน Shakespeare ที่ Stratford upon Avon ตบท้ายที่ Gloucester แล้วกลับมาพักที่โรงแรมเดิมที่ Bath

Cotswold route
เส้นทางการขับรถ

ระยะทางในการขับรถประมาณ 270 กิโลเมตร ถ้าขับรถอย่างเดียวก็จะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง แต่เนื่องจากเราแวะเที่ยว เมืองต่างๆ ด้วยก็เลยใช้เวลาทั้งวันค่ะ ช่วงที่ไปเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เดือนกันยายน พระอาทิตย์ยังอยู่กับเราจนถึงประมาณ หกโมงเย็น ก็เลยเที่ยวกันได้นานหน่อย สองปีก่อนไปช่วงฤดูหนาว บ่ายสามพระอาทิตย์ก็จากเราไปแล้ว เวลาท่องเที่ยวก็จะน้อยลงค่ะ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงที่อากาศดีมาก แต่คนจะเยอะมากในทุกหมู่บ้านค่ะ

Castle Combe, Chipenham

Castle Combe

พวกเราเริ่มออกเดินทางจาก Bath เวลาประมาณ 9 โมงเช้า หลังรับประทานอาหารเช้าของโรงแรมเรียบร้อย พวกเราเตรียมขนม ผลไม้ และน้ำใส่รถมาด้วยค่ะ ก่อนออกเดินทางก็เปิด Google Map เลือกจุดหมายปลายทางของเรา Castle Combe อยู่ห่างจาก Bath ไปประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมาก เป็นอีกแห่งที่ได้ชื่อว่า “The prettiest village of England” หรือ หมู่บ้านที่สวยที่สุดในอังกฤษ โดยปกติจะไม่มีคนอาศัยอยู่ เว้นในฤดูร้อน ที่นักท่องเที่ยวจะนิยมมาพักตากอากาศในเมืองนี้

Castle Combe

ระหว่างทางจาก Bath มายัง Castle Combe จะผ่านสนามแข่งรถชื่อดัง ผ่านเนินหญ้าสีเขียวมากมาย พอใกล้จะถึงสองข้างทางจะเป็นป่าโปร่ง ถนนจะแคบมาก รถสองคันสวนกันค่อนข้างยากถ้าเป็นรถขนาดกลาง Knot เอารถไปจอดไว้ท้ายหมู่บ้าน หน้าห้องน้ำสาธารณะค่ะ ขอบอกว่าห้องน้ำที่นี่เข้าฟรี สะอาดใช้ได้เลยนะคะ แล้วเดินข้ามสะพาน ตรงไปที่หมู่บ้าน สุดปลายทางของรูปคือสุดหมู่บ้านค่ะ มีเท่านี้จริงๆ บ้านบางหลังจะเปิดเป็นโรงแรม หรือ B&B ในช่วงฤดูร้อน แต่ปลายถนนจะมีโบสถ์เก่าอยู่หลังหนึ่งค่ะ ด้านในสวยทีเดียวค่ะ

Castle Combe
Castle Combe
Castle Combe
Castle Combe

เดินเลยโบสถ์มานิดนึง ที่หัวมุมถนน จะเห็นร้านขายขนม ที่เปิดให้บริการทุกวันค่ะ เป็น Self Service นะคะ ขนมทุกชิ้นจะมีราคา วันเดือนปีที่ผลิต และหมดอายุระบุไว้ เราก็เลือกซื้อได้ตามสะดวก แล้วจ่ายเงินลงในช่องประตูตรงที่ลูกศรชี้ค่ะ ด้านข้างประตูจะมีถุงพลาสติกวางไว้ให้ด้วยค่ะ จะบอกว่ามากี่ครั้งก็อุดหนุนเค้าทุกครั้งค่ะ เค้กกล้วยหอม เค้กช็อกโกแล็ตอร่อยมาก ไม่หวานมากค่ะ

Knot with Autumn leaves

เนื่องจากปีนี้มาตอนใบไม้เปลี่ยนสี Knot ก็ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึกกันสักนิดค่ะ ไม้เถาเหล่านี้จะอยู่ตามกำแพงบ้านค่ะ เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เราจึงสามารถถ่ายรูปกันได้อย่างสะดวกเลยค่ะ

บ้านหลังอื่นๆ ในหมู่บ้านจะมีร้านน้ำชา Old Post office และร้านขายของอื่นๆ ไม่เปิดทำการเลยค่ะ แต่มีเปิดไว้ให้ถ่ายรูปเล่นได้ค่ะ

เดินเล่นถ่ายรูปกันสักพัก ไม่เกิน 30 นาทีก็หมดทั้งหมู่บ้านแล้วค่ะ ไม่มีร้านไหนเปิดเลย เราจึงเดินทางต่อไปอีกหมู่บ้านหนึ่งคือ Bibury

Castle Combe

Cirencester

ก่อนจะถึง Bibury หากมีเวลาสามารถแวะเที่ยว รับประทานเจลาโต้ หรือทานอาหารที่ Cirencester ได้ค่ะ Knot เอารูปเก่ามาฝากกันค่ะ เพราะทริปนี้เราออกเดินทางค่อนข้างสายจึงข้าม Cirencester ไปค่ะ Cirencester จัดเป็นเมืองขนาดใหญ่ใน Cotswolds ค่ะ มีโบสถ์ และสถานที่ท่องเที่ยวให้เที่ยวชมหลายแห่ง เราสามารถขับรถไปจอดได้ที่ลานจอดรถกลางเมือง บริเวณโบสถ์แล้วเดินเที่ยวได้เลยค่ะ

Cirencester’s Map

ตามถนนจะมีการตกแต่ง ประดับอาคารด้วยจักรยาน และดอกไม้ หรือไม้ประดับต่างๆ ให้เราได้ถ่ายรูปกันค่ะ รอบๆ โบสถ์ก็มีสวนดอกไม้ให้เราถ่ายรูปเล่นกันค่ะ

Bibury

จาก Castle Combe ถึง Bibury ใช้เวลาประมาณ 40 นาที Knot ขับรถมาถึงที่หมู่บ้านนี้ก็จอดรถก่อนที่จะข้ามสะพาน เราจะเห็นว่าสะพานข้ามไปจะเจอ Swan Hotel ค่ะ เดินไปทางซ้ายเลียบแม่น้ำไปจะถึง ตัวหมู่บ้านเก่าที่ไม่มีคนอยู่อาศัยแล้ว เป็นอาคารอนุรักษ์ค่ะ

Bibury
Bibury Post Office
Bibury
Bibury
Bibury

จอดรถแล้วเดินเลียบแม่น้ำสายที่เห็นในรูปเลยค่ะ น้ำตื้น แต่ใสมากค่ะ มีเป็ดว่ายน้ำให้เราดูด้วยค่ะ เราเดินเลี้ยวขวาเลาะเข้าไปตามอาคารโบราณ ถ่ายรูป บ้านเรือนที่นี่ก็คล้ายๆ ที่ Castle Combe คือสร้างจากหินปูนสีเหลือง ลักษณะเป็นกระท่อมเรียงติดกันค่ะ

Bibury
Bibury

ปีนี้ที่ Bibury มีที่เที่ยวใหม่ให้ Knot ได้เดินเที่ยวคือ สถานที่เลี้ยงปลาเทราส์ค่ะ สมัยก่อนมาที่เมืองนี้จะมีร้านอาหารอยู่แค่สองร้าน ขายปลาเทราส์เป็นหลัก ครั้งนี้มาไม่มีแล้วค่ะ กลายเป็นสถานที่เพาะพันธุ์และเลี้ยงปลาแทน เราเดินเข้าไปเที่ยวเสียเงินค่าเข้า และซื้ออาหารปลาด้วยค่ะ ข้างในใหญ่พอสมควรนะคะ

Bibury
Bibury

ให้อาหารปลา อาหารเป็ดเรียบร้อย เราเริ่มหิวกันค่ะ แต่ที่นี่ไม่มีร้านอาหารเลย เว้นแต่จะเข้าไปกินที่โรงแรม เราก็เลยจัด ไอติมกันคนละโคน แล้วไปต่อค่ะ

Bourton on the water

สังเกตุได้ว่าทุกเมืองที่นี่จะมีแม่น้ำไหลผ่านค่ะ หลายๆ เมืองก็จะชื่ออะไรสักอย่างตามด้วยชื่อแม่น้ำ หมู่บ้านต่อไปที่เราตั้งใจมาแวะกินข้าวกลางวันคือ Bourton on the water เมืองนี้มีร้านขนมอร่อยมากอยู่หนึ่งร้าน ที่ห้ามพลาดคือ Scone ค่ะ แต่เค้าไม่ขายแบบกลับบ้านนะคะ คือถ้าอยากกิน Scone เค้าต้องทานที่นี่ เอากลับได้แต่ไม่ให้ Clotted Cream และ Home made แยมค่ะ

Bourton on the water

เมื่อเราเดินทางมาถึง เมืองนี้คนเยอะมากค่ะ กว่าจะหาที่จอดรถได้ วนสองรอบ จอดรถปุ๊บ ก็เดินข้ามถนน ผ่านงานแสดงรถเก่าค่ะ สวยงามมาก เป็นพิพิธภัณฑ์นะคะ

Bourton on the water
Bourton on the water

ก่อนจะเข้าร้านอาหารเราเดินข้ามสะพาน ตรงหน้ามอเตอร์โชว์ ถ่ายรูปแม่น้ำที่ผ่ากลางเมือง ซึ่งทำให้เมืองนี้ได้ชื่อว่า On the water หรือ อยู่บนน้ำค่ะ

Bourton on the water
Bourton on the water
Bourton on the water

เดินไปเดินมา เราก็กลับมาเข้าร้านอาหารตรงหัวมุมสะพานตัวแรกที่เราเดินผ่านนั่นเอง ร้านนี้ชื่อ The Old Manse เป็นผับสไตล์อังกฤษค่ะ จะมีอาหารขาย มีที่นั่งรับประทาน เสิร์ฟอาหารในสไตล์บ้านๆ ค่ะ เรามากัน 4 คน สั่งอาหาร 3 จานค่ะ ไส้กรอกกับมันบด ไก่ย่าง และปลาย่างค่ะ อาหารทุกจานเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง ที่เราสามารถเลือกได้ ว่าจะเอาเป็นมันบด มันฝรั่งทอด หรือ ผักต้มค่ะ อาหารจานใหญ่และอร่อยมากค่ะ แต่เราสี่คนทานกันไม่หมดค่ะ

The Old Manse
Bourton on the water
Bourton on the water

หลังอาหาร Knot เดินออกมาหมายจะไปกินขนมต่อ แต่ร้านคนเยอะมากค่ะ ไม่มีที่นั่งเลย แล้วเราก็อยากไปเที่ยวกันต่อ เลยตัดสินใจซื้อขนมไปกินที่ Bath ละกันเนอะ

Stratford upon Avon

จาก Burton on the water เราก็ขับรถขึ้นเหนือต่ออีกนิด เพื่อไป Stratford upon Avonn บ้านเกิดของ Shakespeare กวีชื่อดังของโลก ครั้งแรกที่มาเมืองนี้ ตอนนั้นเพิ่งมาเรียนภาษาอังกฤษที่ Bath เมืองนี้ยังไม่ใหญ่มาก ในปัจจุบันเนื่องจากทัวร์มากันเยอะ เมืองจึงจัดให้จอดรถก่อนเข้าเมืองแล้วเดินข้ามสะพานเข้าเมืองค่ะ ที่หัวมุมถนน จะมีร้านอาหารกึ่งผับอยู่ ร้านนี้ก็อร่อยค่ะ เดินตรงไปเรื่อยๆ อ่านป้ายไปก็จะถึงบ้าน Shakespeare ปัจจุบันเทศบาลเค้าจัดให้ห้องสมุดของ Shakespeare และอาคารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมากขึ้นค่ะ หากสนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชมภายในบ้านได้ค่ะ ครั้งนี้ Knot ไม่ได้เข้าไปด้านใน เนื่องจากเคยเข้ามาแล้วหลายรอบ แต่ก็ยังอยากแวะชมอาคารต่างๆ ของเมืองนี้ ซึ่งจะแตกต่างไปจากหมู่บ้านต่างๆ ที่เราผ่านมาค่ะ

บ้านเรือนของ Stratford upon Avon ไม่ได้มีสีเหลืองของหินปูนค่ะ แต่เป็นสีแดงของอิฐแดงแทนค่ะ โครงสร้างทำด้วยไม้ท่อน สวยงามค่ะ

Stratford upon Avon
Shakespeare’s Birthplace
Stratford upon Avon

หลังจากเดินเที่ยวเล่นรอบเมืองไปสักพัก อากาศเริ่มเย็น พวกเราก็เริ่มออกเดินทางกลับ Bath จาก Stratford upon Avon จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการขับรถกลับ Bath เราจึงแวะเที่ยวอีกหนึ่งเมืองระหว่างทางค่ะ

Shakespeare’s Birthplace
Shakespeare’s Birthplace
Shakespeare’s Birthplace
Shakespeare’s Birthplace
Shakespeare’s Birthplace
Shakespeare’s Birthplace

Gloucester

Gloucester คนอังกฤษอ่านว่า กลอสเตอร์ ค่ะ ไม่ใช่กลูเชสเตอร์ ตามตัวสะกด เมืองนี้มีชื่อเสียงคือGloucester Cathedral หรือโบสถ์ที่สร้างเมื่อศตวรรษที่ 11 มีสถาปัตยกรรมแบบโรมันผสมโกติค (Romanesque and Gothic architecture) และยังเป็นที่ฝังพระศพของพระราชาเอ็ดเวิร์ดที่สอง (King Edward II) ด้วยค่ะ

แต่เนื่องจากเราเดินทางกันมาถึงเย็นมาก พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว จึงไม่มีรูปมาฝากกันค่ะ แต่รับรองว่า คราวหน้าถ้ามีโอกาสไปแวะเมืองนี้อีกจะเก็บภาพมาให้ชมกันค่ะ เรากลับถึง Bath กันเกือบสองทุ่มค่ะ อาหารเย็นของเราวันนี้ คือ ขนมที่เราซื้อมาจาก Bakery on the water แล้วก็ผลไม้ และมาม่าที่พกมาจากเมืองไทยค่ะ

เป็นอีกหนึ่งวันที่ขับรถตะลอนเที่ยวทั้งวัน ไม่ได้ช้อปปิ้งกันเลยค่ะ Knot เที่ยวหมู่บ้านแถวนี้มาหลายครั้ง และหากมีโอกาสก็จะกลับไปอีก ความสวยงาม สงบ ร่มรื่น ผู้คนน่ารัก ชวนให้อยากไปเยือนอยู่เสมอค่ะ ตอนหน้า Knot จะพาไปตะลอนช้อปกันบ้าง หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวันแล้ว อย่าลืมกดไลค์กดแชร์เพื่อติดตามกันได้ที่ @TripsinMyMemory หรือ www.tripsinmymemory.com นะคะ