การขอวีซ่าของ Knot ส่วนใหญ่จะเตรียมเอกสารเอง ดำเนินการเอง เว้นแต่จะไปกับบริษัททัวร์ ซึ่งก็ยังต้องจัดเตรียมเอกสารให้บริษัททัวร์เองอีกเช่นกัน Knot เตรียมเอกสารขอวีซ่าเองตั้งแต่อายุสิบต้นๆ เพื่อไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศอังกฤษ จนถึงปัจจุบันอายุเกือบจะสี่สิบ ก็ยังเตรียมเอกสารต่างๆ เอง แปลเอกสารเอง ทำทุกอย่างเองแม้กระทั่งลงนามรับรองการแปลเอกสารทุกฉบับค่ะ เข้าใจว่าหลายคนมีมีความกังวลใจเมื่อต้องจัดเตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่าไม่ว่าจะเป็นวีซ่าประเภทใดก็ตาม บทความนี้ Knot จะขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการขอวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่านักเรียนที่เคยขอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาค่ะ

ก่อนที่เราจะเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่า เราต้องทำการตรวจสอบก่อนว่า เราในฐานะ Thai Citizen ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศที่เราต้องการจะไปท่องเที่ยว ศึกษาต่อ หรือทำงาน หรือไม่ ระยะเวลาที่ในการขอวีซ่า เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า ซึ่งแต่ละประเทศจะใช้เอกสารคล้ายคลึงกัน แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดค่ะ บางประเทศเราสามารถยื่น (Lodge) ใบสมัครพร้อมเอกสารได้ผ่านออนไลน์ ที่เว็บที่เค้ากำหนดเลยค่ะ บางประเทศให้เรากรอกแบบฟอร์มออนไลน์ แล้วพิมพ์ เพื่อนำไปยื่นในวันนัดอีกครั้งค่ะ ในบทความนี้ Knot จะยังไม่เจาะไปที่ประเทศใดๆ นะคะ จะเป็นการบอกเล่าประสบการณ์โดยรวมก่อน แล้วบทความต่อไป Knot จะมาเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าของแต่ละประเทศที่ Knot เคยไปขอมาด้วยตนเองค่ะ

Tourist Visa หรือ วีซ่าท่องเที่ยว

ปัจจุบัน ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทย (เล่มสีแดงเลือดหมู) ไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น 33 ประเทศด้วยกันค่ะ หากถือหนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) ก็ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศต่างๆ 73 ประเทศค่ะ แต่หนังสือเดินทางราชการ จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเป็นข้าราชการหรือพนักงานของรัฐที่เดินทางไปในกิจการของรับเท่านั้นนะคะ ถ้าเดินทางท่องเที่ยวส่วนตัวแล้วใช้หนังสือเดินทางราชการอาจเป็นการผิดวินัยได้นะคะ ทุกคนคงทราบดีว่าเมื่อเราจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ว่าจะระยะเวลากี่วัน เราก็ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศนั้นๆ เว้นแต่เค้าจะยกเว้นให้คนไทยอย่างเรา ประเทศที่เราไม่ต้องขอวีซ่า ก็เช่น ประเทศในอาเซียนด้วยกัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตุรกี รัสเซีย ชิลี เปรู เป็นต้น แต่ประเทศอื่นๆ เราต้องขอวีซ่า ประเทศที่ Knot ขอวีซ่าท่องเที่ยวได้นานที่สุดคือ อังกฤษค่ะ วีซ่าท่องเที่ยวที่ขอบ่อยที่สุดก็คือ Schengen Visa ประเทศล่าสุดที่ไปขอวีซ่าท่องเที่ยว คือ ออสเตรเลีย และประเทศที่กำลังจะไปขอวีซ่าเร็วๆ นี้ คือ แคนาดา

เปิดประสบการณ์ด้วยการเดินทาง

วีซ่าท่องเที่ยวที่ได้นานที่สุดคือ 3 ปี จากประเทศออสเตรเลีย สั้นที่สุดคือ 14 วัน เป็น Schengen Visa ที่ยื่นขอที่สถานฑูตกรีซ หลายคนคงทราบกันดีว่าปัจจุบันการขอวีซ่าจะดำเนินการผ่านตัวแทน ซึ่งสถานฑูตส่วนใหญ่จะใช้บริการของ VSF Global เป็นหลัก จะมีของฝรั่งเศส และสวิสเซอร์แลนด์ ที่ใช้บริการของ TSL Contact และ Application Center ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตึก Trendy สุขุมวิท 13 มีบ้างที่ไปอยู่ที่ตึกอื่นๆ เช่น Silom complex, Mercury เป็นต้น เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้เราขอวีซ่าผ่านได้อย่างสบายๆ ก็คือ เตรียมเอกสารให้ครบ กรอกใบสมัครให้ตรงกับเอกสารที่เราเตรียมไป อย่างหนึ่งที่เราควรทราบ คือ เจ้าหน้าที่ของ Application center ไม่มีผลในการพิจารณาการให้วีซ่าของสถานฑูตแต่อย่างใด และเอกสารที่เราเตรียมไป เจ้าหน้าที่มีหน้าที่เพียงตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนและรวบรวมส่งให้สถานฑูต ไม่มีหน้าที่มาบอกว่าเอกสารเราไม่ครบ แต่จะถามย้ำกับเราว่าเรายื่นเท่านี้นะคะ ถ้าเราบอกว่าค่ะ เค้าก็จะยื่นให้ตามที่เราต้องการค่ะ

เอกสารที่ต้องเตรียมในการขอวีซ่าท่องเที่ยว

เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าทุกประเทศ ที่เราต้องเตรียมไป คือ หนังสือเดินทางอายุมากกว่า 6 เดือน (ต้องมีหน้าว่างด้วยนะคะ) สำเนาหนังสือเดินทาง 2 ชุด หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน หรือ Bank Statement ที่ออกโดยธนาคาร มีชื่อนามสกุล ของผู้เดินทางครบถ้วน ถ้าหรือให้ธนาคารออกหนังสือรับรองสถานะทางการเงินให้ก็ได้ค่ะ โดยวันที่ล่าสุดของหนังสือและ Bank Statement จะต้องอยู่ในเดือนเดียวกับวันที่ไปขอวีซ่านะคะ หนังสือรับรองสถานะการทำงาน (หากเป็นลูกจ้าง) หนังสือรับรองของกิจการหากเป็นเจ้าของกิจการค่ะ อายุไม่เกิน 1 เดือน บางประเทศอาจให้ที่ไม่เกิน 3 เดือน พร้อมฉบับแปลค่ะ ฉบับแปลนี้ สามารถแปลเองได้และเซนต์รับรองการแปลด้วยค่ะ เอกสารการเงินของบริษัทที่ธนาคารออกให้ด้วยค่ะ อีกอย่างที่ควรมีคือประกันการเดินทาง โดยปกติแล้วหากอยากได้วีซ่าแบบ Multiple Entry ระยะเวลา 1-3 ปี โดยเฉพาะ Schengen Visa แนะนำให้ซื้อประกันการเดินทางให้ครอบคลุมถึงระยะเวลาที่ต้องการค่ะ

ต่อไปจะเป็นรายละเอียดการเดินทาง (ถ้ามี) เช่น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แผนการเดินทาง และเอกสารการสำรองที่พักค่ะ แผนการเดินทาง Knot แนะนำให้ทำเป็นตาราง ใช้ Excel ก็ได้ค่ะ เขียนว่าเที่ยวเเมืองอะไร เดินทางอย่างไร และพักที่ไหน คร่าวๆ ก็พอค่ะ พอให้ผู้พิจารณาทราบว่าเราเดินทางไปเที่ยวจริงๆ ไม่ไปทำอย่างอื่นค่ะ ถ้าไม่มีแผนที่ชัดเจน แต่ต้องการขอวีซ่าไว้ล่วงหน้า แนะนำให้เขียนเป็น “To Whom It may Concerned Letter” ค่ะ เขียนอธิบายว่าทำไมเราจึงต้องการวีซ่า แม้ว่าเราจะยังไม่มีแผนการเดินทางที่แน่ชัด จึงไม่สามารถสำรองที่พัก และการเดินทางต่างๆ ได้ (จริงๆ แล้วไม่มีสถานฑูตไหนบังคับให้เราจองที่พักและตั๋วเครื่องบินก่อนได้วีซ่านะคะ) เค้าเพียงต้องการทราบแผนการเดินทางเพื่อพิสูจน์ว่าเราไปเที่ยวจริงค่ะ ในจดหมายหากเราจะเดินทางพร้อมเพื่อนหรือคนในครอบครัว ก็ควรเขียนชื่อนามสกุลผู้ร่วมทาง เลขที่หนังสือเดินทาง และเลขที่วีซ่าของเค้าด้วยหากมีอยู่แล้วค่ะ จะน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นค่ะ ของออสเตรเลียล่าสุด Knot ก็ใช้วิธีเขียนจดหมายอธิบายเอาค่ะ จดหมายต้องเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ก็ได้มายาวถึง มีนาคม 2022 กันเลยค่ะ

อีกประเด็นที่หลายคนกังวล คือ จะไปขอวีซ่า เงินในบัญชีที่นำไปแสดงควรมีเหลือเท่าไหร่ Knot แนะนำง่ายๆ นะคะ เงินที่ควรมีติดบัญชี ก็จะประมาณ 100 ยูโรต่อวัน หรือ 5000 บาทต่อวันเดินทางค่ะ หากจะไป 10 วันควรมีอย่างน้อย 50,000 บาท อันนี้กรณีที่ซื้อตั๋วเครื่องบินจองที่พักเรียบร้อยนะคะ ถ้ายังไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินและที่พัก แนะนำให้มีประมาณแสนต้นๆ ก็พอค่ะ ไม่ต้องเยอะมาก แต่ควรเป็นบัญชีเงินเดือนหรือบัญชีที่เดินเป็นประจำค่ะ จะดูน่าเชื่อถือที่สุด

หากเราจะไปพักบ้านเพื่อน หรือญาติที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในเขต Schengen นั้น เจ้าของบ้านจะต้องไปที่ Council เพื่อออกหนังสือเชิญมาให้เราด้วยนะคะ เอกสารฉบับนี้ จะทำให้เราได้วีซ่าง่าย แต่ก็จะตามระยะเวลาที่ผู้ออกหนังสือเชิญระบุไว้ในเอกสารเลยค่ะ แถมเราต้องใช้เอกสารของผู้เชิญด้วยค่ะ คล้ายๆ การขอวีซ่าของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ที่ต้องใช้เอกสารการเงินของผู้ปกครองด้วยค่ะ Knot จึงอยากแนะนำว่าการขอวีซ่า หากจองที่พักตามโรงแรมหรือ Hostel ราคาย่อมเยาว์หน่อยใน Booking หรือ Agoda หรือเว็บไซต์อื่นๆ จะขอวีซ่าได้สะดวกกว่าค่ะ

เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อย ก็ต้องไปทำนัดกับ Application Center ค่ะ หากยื่นออนไลน์ แล้วบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย จะให้เรานัดเพื่อไปเก็บข้อมูล Biometric เท่านั้นค่ะ กรณีนี้เราแค่นำจดหมายที่เค้าส่งมาให้เราทางอีเมลพร้อมหนังสือเดินทางเล่มจริง และสำเนาหนังสือเดินทางของเรา และรูปถ่าย 2 นิ้ว 2 ใบตามที่เค้าระบุไว้ในอีเมลที่ส่งให้เราค่ะ บางประเทศระบบเค้าจะให้เรากรอกใบสมัครออนไลน์แล้วพิมพ์ออกมาเพื่อนำไปยื่นที่ Application Center ตามวัดนัดของเราค่ะ กรณีนี้เราต้องเตรียมเอกสารทั้งหมดไปด้วยค่ะ สำเนาทุกฉบับควรลงนามรับรองสำเนาเพื่อใช้ในการ … เท่านั้น ด้วยนะคะ (Certified Copy Right for Visa Application only) ประมาณนี้ค่ะ

ประสบการณ์ที่ผ่านมาของ Knot

โดยส่วนตัวไม่เคยโดย Reject จากการขอวีซ่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ที่ลุ้นที่สุด เพราะ วีซ่าออกฉิวเฉียดมาก คือการไปขอวีซ่า Schegen ไป Spain ผ่าน VSF Global ที่ตึก Mercury ทริปนั้น Knot พานิสิตอินเตอร์เดินทางไปดูงานที่สเปน เราไปขอวีซ่าพร้อมกัน ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน เนื่องจาก Knot เป็นอาจารย์และนิสิตบางท่าน มีเอกสารการเงินไม่เรียบร้อย เงินในบัญชีน้อยมาก ไม่ได้อัพเดทบ้าง ก็เลยเขียนจดหมายรับรองนิสิตว่า เราเป็น Sponsor ให้ทุกคนค่ะ เจ้าหน้าที่พูดจาแย่มาก บอกแค่ให้กลับมาทำให้ ซึ่งในความเป็นจริง ไม่มีใครกำหนดว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ในบัญชี และเราก็มีประสบการณ์ในการขอวีซ่ามากพอ พร้อมทั้งรู้ว่าเงินที่เจ้าหน้าที่บอกนี่ ไม่ใช่ข้อกำหนดใดๆ ไม่มีก็ได้ เพราะเคยได้มาแล้ว ก็เลยจัดการเขียนจดหมายสดๆ ตรงนั้น สุดท้ายได้วีซ่าครบทุกคนแต่ได้รับหนังสือเดินทางคืนวันศุกร์ก่อนเดินทางวันอาทิตย์ นี่คือลุ้นที่สุดแล้ว ถึงขนาดว่าต้องโทรไปตามหนังสือเดินทางที่สถานฑูตเอง

ก่อนได้รับหนังสือเดินทางก็โทรไปสถานฑูต สอบถามว่าจะทันไหม ถ้าไม่ทันจะได้เลื่อนเที่ยวบิน เจ้าหน้าที่จึงให้ความกระจ่างว่า เค้าไม่ได้ให้เราจองตั๋วเครื่องบินก่อนได้วีซ่านะคะ เพราะอาจเกิดกรณีที่เค้างานเยอะ พิจารณาล่าช้า กว่าที่ควรจะเป็น เช่นครั้งนี้ เราจะมีปัญหาได้ เลยได้โอกาสบอกเค้าไปว่า เจ้าหน้าที่ของศูนย์รับเรื่องเค้าไม่ยอมนะ เค้าเป็นคนบอกให้เราไปพิมพ์ตั๋วเครื่องบิน เอกสารการจองที่พัก รวมถึงหนังสือรับรองสถานะการเงินด้วยนะ เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมากแล้วนะคะ เพราะหลังจากนั้น Knot ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเตรียมเอกสารอีกเลย เพราะเจ้าหน้าที่สถานฑูตสเปนอธิบายละเอียดมากว่า จริงๆ เค้าต้องการอะไร และ VSF หรือ Application Center ทำหน้าที่อะไร ถ้าเค้าถามว่าเราไม่ยื่นเอกสารนั่น นู่น นี่ หรือ เราตอบคำเดียวว่าไม่ค่ะ แสดงเจตนาว่ายื่นตามเอกสารที่มี เค้าก็ต้องรับเอกสารเราไปพิจารณาเท่านี้ค่ะ และหากสถานฑูตต้องการเอกสารเพิ่มเติม เค้าจะแจ้งให้เราทราบเพื่อส่งเอกสารเพิ่มเติมอีกครั้งค่ะ

Application center VSF vs TSL

Application Center ที่มีให้บริการอยู่ในปัจจุบัน จากประสบการณ์ที่ใช้บริการมานะคะ ที่ชอบที่สุดเป็น TSL Contact ที่ดูแลการขอวีซ่าของฝรั่งเศสและสวิสค่ะ เจ้าหน้าที่บริการดี พูดจาดี รองลงมา คือ VSF Global ที่ดูแลของอังกฤษค่ะ เจ้าหน้าที่ผู้ชายพูดจากดีเกือบทุกคน แต่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงนี่ คำพูดจำจิกๆ หน่อยค่ะ บางครั้ง Knot ก็จะมีส่งสายตาจิกกลับบ้าง ก็จะพูดจาดีขึ้น VSF Global ของอังกฤษกับออสเตรเลียใช้ออฟฟิศร่วมกันค่ะ แต่พนักงานจะแยกกันเฉพาะส่วนในเท่านั้น ด้านหน้าตรวจเอกสารต่างๆ บางครั้งก็นั่งคุยเล่นกันค่ะ รปภ ถ้าเทียบกับ ชื่อเสียงของ รปภ สถานฑูตอังกฤษสมัยก่อน ถือว่าดีกว่าเยอะค่ะ

โดยรวมแล้วถ้าเราเตรียมเอกสารไปพร้อม เตรียมตัวไปพร้อม ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการขอวีซ่าค่ะ ของ Australia ล่าสุดใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการหลังจากไปเก็บ Biometric data ค่ะ เนื่องจากยื่น Online ส่งเอกสารทุกอย่างผ่านออนไลน์ของเค้า เมื่อพิจารณาเอกสารแล้วประมาณ 1 วัน ทางสถานฑูตก็ส่งอีเมลมาแจ้งว่าต้องการให้เราไปเก็บ Biometric data ให้เรานัดหมายกับทาง VSF Global ได้เลย ภายใน 15 วัน นับจากที่ได้รับอีเมล หากเค้าต้องการเอกสารเพิ่มเติม ก็จะแจ้งมาทางอีเมลเช่นกันค่ะ ไปเก็บข้อมูลถ่ายรูป สแกนลายนิ้วมือเรียบร้อยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จค่ะ 3 วันก็ได้วีซ่าทางอีเมลเลยค่ะ เค้าไม่ติด Visa ในเล่มแล้วค่ะ คือไม่เก็บเล่มหนังสือเดินทางเราไปเลย

Making Appointments

อีกเรื่องที่ Knot อยากแนะนำก็คือ การนัดหมาย Application Center ต่างๆ ค่ะ จากที่ไปมาหลายครั้งแนะนำว่า “คิวแรก” ตอนเช้าของวันจะดีที่สุด เพราะไม่มีคนตกค้าง และไม่มีคิวก่อนหน้า และที่นั่งรอด้านล่างตามร้านกาแฟต่างๆ คนก็จะไม่เยอะมากค่ะ แล้วก็ถ้าหากไม่ได้จองคิวมาแล้วไปแต่เช้า จะมีโอกาสได้ยื่นของวีซ่าด้วยค่ะ แต่จะมีค่า Walk-in เพิ่มนิดนึงค่ะ นอกจากนี้ หากอยากได้วีซ่าเร็ว สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้นะคะ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นค่ะ เช่น Express หรือ Premium service ค่ะ

เมื่อทำการนัดหมายเรียบร้อยแล้ว ควรพิมพ์ใบนัดหมายไว้เลยนะคะ เพราะถ้านัดล่วงหน้านาน อาจจะหาอีเมลไม่เจอได้ ต้องนำไปใช้เพื่อเข้าคิวตรวจเอกสารที่เค้าเตอร์ด้านล่างค่ะ คิวตรงนี้จะเปิดให้เข้าคิวตรวจเอกสารก่อนเวลานัดหมายประมาณ 15-20 นาทีค่ะ ถ้านัด 8.30 น ควรไปถึงประมาณ 8.15 น ค่ะ บางครั้ง 8 โมงก็มีคนไปเข้าคิวรอแล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ หรือบริษัทที่รับจ้างขอวีซ่าค่ะ เค้าจะมาเข้าคิว เหล่านี้ให้เรา พอถึงเวลาขึ้นไปด้านบน ก็จะให้เราขึ้นไปเองพร้อมเอกสารทั้งปึกที่เค้าจัดเรียงมาให้แล้วค่ะ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกตั้งแต่หน้าลิฟต์ค่ะ ไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวเสร็จค่ะ อย่าใส่ใจกับการพูดหรือน้ำเสียงของเจ้าหน้าที่มากก็จะไม่หงุดหงิดค่ะ

Knot ขอจบโพสต์นี้ไว้เท่านี้นะคะ หากท่านใดมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการขอวีซ่า สามารถอินบ็อกซ์มาสอบถามกันได้นะคะ จะพยายามตอบสุดความสามารถค่ะ ถ้าชอบอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดดาว Facebook Fanpage, IG และ YouTube: Trips in My Memory กันนะคะ จะได้ไม่พลาดเรื่องราวการเดินทางใหม่ๆ ของ Knot ค่ะ

Credit
Photos by Ashim D’Silva and Harry Knight on Unsplash