หากใครมีเวลาว่างและชื่นชอบที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ ของโลกนี้ British Museum เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ Knot แนะนำให้มาท่องเที่ยว หากมีเวลาน้อย 1-2 ชัวโมง ก็สามารถเลือกชมนิทรรศการบางส่วนได้ แต่วันนี้ Knot และ Juth มีเวลาทั้งวัน เลยจะพาทุกคนตะลุยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

British Museum ด้านหน้าของ British Museum

British Museum เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร ซึ่งจัดแสดงปูชนียวัตถุ หรือวัตถุโบราณจากทุกทวีปทั่วโลก หากสงสัยกันว่าทำไมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงมีของมาจากทั่วโลก Knot ขอให้เรานึกย้อนไปตอนเรียนวิชาโลกของเราที่อาจารย์เคยสอนว่า อังกฤษ เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า ประเทศที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ซึ่งได้มาจากการที่อังกฤษเป็นประเทศที่มีอาณานิคมอยู่ทุกทวีปทั่วโลก ทำให้ประเทศอังกฤษพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินเลย ทางเข้า British Museum ในฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะมาก จะมีสองทางคือทางด้านหน้า และด้านข้าง ด้านข้างเดินมาจาก Russel Square จะใกล้มากค่ะ ทางเข้าด้านนี้จะเข้าไปที่ชั้นใต้ดิน ซึ่งเดินตรงเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการเลยค่ะ แต่ทางด้านหน้าซึ่งเป็นทางเข้าที่เปิดเป็นปกติ ในช่วงฤดูร้อนจะมีคิวยาวมาก เนื่องจากทุกคนต้องเดินผ่านเครื่องสแกนและตรวจกระเป๋าเพื่อความปลอดภัยทั้งสองประตูนะคะ แต่คนส่วนใหญ่จะมาเข้าทางประตูหน้า วันนี้ Knot และ Juth จึงเข้าทางประตูข้างเพื่อความสะดวกรวดเร็ว

เมื่อเราเข้าประตูด้านข้างมาก็จะเจอร้านขนมทางซ้ายมือ แล้วก็จะเห็นบันไดที่จะบอกทางให้เราไปยังนิทรรศการต่างๆ เมื่อเราเดินขึ้นบันไดมา Knot พา Juth มาที่ด้านหน้าของ British Museum ก่อนเพื่อเริ่มจากรับ Audio Guide ก่อนอื่นต้องบอกว่าการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในลอนดอน ส่วนใหญ่จะไม่มีค่าเข้าชมค่ะ คือ ฟรี แต่จะมีตู้ตั้งพร้อมคำแนะนำให้บริจาคค่ะ และถ้าอยากได้ Audio Guide ก็ต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่มค่ะ

จากจุดรับ Audio Guide ก็จะมีรูปปั้นสิงโตอันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษ บันไดโถงกลางของ British Museum เราต้องเดินขึ้นบันได้ไป เพื่อเข้าห้องนี้ซึ่งมีไว้จัดแสดงนิทรรศการพิเศษที่ต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าชมค่ะ เนื่องจาก British Museum มีขนาดใหญ่มาก มีหลายชั้นมาก เพื่อป้องกันการหลง ทุกครั้งที่มา Knot จะหยิบแผนที่ที่เค้าวางไว้ให้มาดูก่อนเสมอ เพราะ บางครั้งนิทรรศการจะเปลี่ยนห้อง บางครั้งมีของเพิ่มขึ้นมา บางห้องก็ปิดซ่อมบำรุงค่ะ การจัดแสดงของเค้าจะแบ่งตามยุค เช่น อียิปต์ กรีก โรมัน เรียกว่า เรามาเริ่มต้นกันที่นิทรรศการส่วนที่ Knot ชอบที่สุดกันค่ะ นั่นคือ ห้องอียิปต์โบราณ

เมื่อเราเข้ามาในห้องอียิปต์ เค้าก็จะจัดแสดงเริ่มจากยุคเก่าที่สุดของอียิปต์ ไล่ไปเรื่อยๆ เล่าเป็นเรื่องราวต่างๆ ให้เราเรียนรู้ จนถึงการสิ้นสุดของยุคอียิปต์โบราณ ตามด้วยเรื่องราวของโรมัน ซึ่งเป็นอาณาจักรที่เฟืองฟูต่อจากอียิปต์โบราณ วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ ห้องอียิปต์โบราณชั้น Ground floor จะจัดแสดงวัตถุโบราณจำพวกรูปปั้นของฟาโรองค์ต่างๆ สฟิงก์ ตัวสกัลลัป (สัตว์ที่คนอียิปต์โบราณเชื่อว่าหากเดินวนขวาสามรอบจะสามารถขอลูกได้) การจัดแสดงจะมีการบอกเล่าเรื่องราวโดยการจำลองสถานที่ให้เราได้เรียนรู้ไปด้วย

เมื่อครั้งที่ Knot มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศอียิปต์ ได้มีโอกาสไปชมปีรามิดที่กิซ่า โบสถ์กลางน้ำที่ฟิเลย์ หรือ ฟิเลย์เทมเปิล อาบูซิมเบล หุบเขากษัตริย์ที่เป็นสุสานของฟาโรห์อียิปต์ในยุคต่างๆ โบราณสถานเหล่านี้เป็นมรดกโลก ซึ่ง UNESCO เป็นผู้ให้ทุนในการบูรณะให้อยู่ในสภาพเดิม ครั้งนึงในอดีตอียิปต์เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในสมัยยุคล่าอาณานิคม ทำให้วัตถุโบราณหลายชิ้น รวมถึงมัมมี่มากมาย มาอยู่ใน British Museum และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก วัตถุโบราณและชิ้นส่วนของโบราณสถานหลายชิ้นที่นำมาจัดแสดงที่ British Museum ทั้งหมดเป็นของแท้ อาจมีบางส่วนที่สร้างเสริมขึ้นเพื่อให้ผู้ชมได้เห็นภาพที่เคยเป็นมาในอดีต

จากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งจะมีการไล่ Timeline ให้ผู้ชมได้ทราบกันค่ะ จากยุค Old Kingdom หรือ ยุคอียิปต์โบราณ บางครั้งอาจแปลเป็นไทยว่า ยุคราชอาณาจักรเก่าของอียิปต์ ต่อมาเป็น First Intermediate Period หรือ ช่วงต่อระยะที่หนึ่ง แล้วเข้าสู่ Middle Kingdom หรือ ราชอาณาจักรกลาง แล้วไปที่ Second Intermediate period หรือช่วงต่อระยะที่สอง ก่อนเข้าสู่ New Kingdom หรือราชอาณาจักรใหม่

Knot

จากยุคราชอาณาจักรใหม่ก็เข้าสู่ Third Intermediate Period หรือช่วงต่อที่สาม อาณาจักรอียิปต์โบราณก็เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ยุค Late Kingdom หรือยุคปลาย จากนั้นก็หมดยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอียิปต์โบราณ กลายเป็นยุครุ่งเรืองของกรีกโรมัน หรือ Greco-Roman Period แทน

ในยุคอียิปต์โบราณ ที่ฟิเลย์เทมเปิล จะมีการบูชาเทพโฮรุส หรือเทพแห่งปัญญาโดยการจัดขบวนแห่เรือ ซึ่งลำที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมดังกล่าวของจริงนั้นจัดแสดงอยู่ที่ British Museum แห่งนี้ (ในรูปด้านบน) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ Knot มาเที่ยวที่ British Museum ตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ เพราะไกด์ท้องถิ่นพูดบ่อยมากว่าของจริงอยู่ที่ British Museum หรือไม่ก็ที่ Louvre เมื่อมีโอกาสไปเยือนกี่ครั้ง Knot ก็ไม่เคยพลาดทั้งสองพิพิธภัณฑ์นี้เลยค่ะ

หากสังเกตุ จะเห็นว่าชาวอียิปต์โบราณมีการแกะสลักรูปภาพต่างๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของตน และของผู้คนในยุคนั้นๆ ลงบนแผ่นหิน และรูปสลักต่างๆ หากสังเกตุกันอีกนิด เราก็จะเห็นความแตกต่างของการแกะสลักในยุคต่างๆ อีกด้วย ช่วงต้นของอียิปต์โบราณจะแกะสลักแบบแกะนูน ไม่ละเอียดมากนัก มีการใช้สีจากธรรมชาติช่วยในการสื่อสาร ต้องบอกอีกอย่างว่า ชาวอียิปต์โบราณถือว่าเป็นผู้ประดิษฐ์กระดาษได้เป็นคนแรก นั่นคือ กระดาษปาปิรุส และมีตัวอักษรเป็นของตนเองเรียกว่า ฮีโรกราฟิก ด้วยค่ะ

ตั้งแต่ยุคกลางเป็นต้นมา การแกะสลักเริ่มจะเปลี้ยนเป็นการแกะให้จมลงไป เป็นตัวอักษรหรือรูปภาพที่ต้องการสื่อสาร ช่วงแรกยังแกสลัดบนหินอยู่ แต่เมื่อเข้ายุตโลหะ มีการแกะสลักลงบนเครื่องโลหะต่างๆ มากขึ้น เช่น รุปปั้นสำริด หรือทองเหลือง เป็นต้น

เมื่อเราเดินไปถึงยุคกรีกโรมัน เราจะเห็นความแตกต่างของวัสดุที่ใช้ในการแกะสลักอย่างชัดเจน เพราะอิตาลี มีวัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นหินอ่อน ดังนั้นการแกะสลักรูปต่างๆ จึงทำจากหินอ่อนมากกว่าจะแกะสลักหิน แต่จะมีการหล่อโลหะให้เป็นรูปต่างๆ ตามยุคสมัย

มหาวิหารแพนธีออนที่ล่มสลาย ก็มาแสดงไว้ที่ British Museum แห่งนี้ เรียกได้มามีมากกว่าประเทศเจ้าของอีกค่ะ ปีที่แล้ว Knot มีโอกาสไปเยือนกรุง Athens ได้ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่มหาวิหารแพนธีออน ได้แห็นซากปรักหักพังมากมายที่กองอยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างการบูรณะ หรือต้องบอกว่าสร้างใหม่ให้เหมือนเดิม ของ Unesco อีกเช่นเดิม หากท่านใดชื่นชอบในศิลปะยุคกรีกโรมันโบราณ Knot แนะนำให้มาชมที่ British Museum แห่งนี้เช่นกันค่ะ

รูปสลักยุคกรีกโรมันแจกันโบราณ แจกันโบราณหน้าบันของหมาวิหารพาธีนอน หน้าบันของหมาวิหารพาธีนอน

ไป Athens จะไม่ได้เห็นภาพนี้ แต่มา British Museum ภาพหน้ามหาวิหารพาธีนอนมีจัดแสดงให้เห็นแบบเกือบสมบูรณ์ พร้อมรูปสลักเทพยุคกรีกโรมันโบราณมากมาย พร้อมเรื่องราวต่างๆ ให้เราได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของแต่ละชิ้น รวมถึงมีบอกด้วยว่า British Museum ได้โบราณวัตถุชิ้นนั้นๆ หรือ คอลเลคชั่นนั้นๆ มาจากใคร และมีเรื่องราวอย่างไร

โถงที่จำลองมหาวิหารนั้นมีขนาดใหญ่มาก และ Knot ต้องบอกว่า แต่ละครั้งที่มา ของที่จัดแสดงดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการเรียงใหม่ตามผลงานวิจัยที่ค้นพบเพิ่มเติม เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาในอดีตให้คนยุคปัจจุบันได้เรียนรู้กันค่ะ

ที่นี่มีห้องจัดแสดงวัตถุโบราณชิ้นเล็กแยกจากชิ้นใหญ่ๆ เรียงตามยุคต่างๆ เช่นกันค่ะ ในรูปเป็นอัศวินขี้ม้าในยุคสำริดค่ะ

เค้าจัดห้องหนึ่งเพื่อบอกเล่าประวัติความเป็นมาของนาฬิกา ซึ่งมีตั้งแต่ยุคแรกของนาฬิกาที่ใช้กลไก จะเป็นนาฬิกาตู้ขนาดใหญ่ แล้วค่อยๆ เล็กลงเรื่อย จากระบบที่ใช้ตุ้มถ่วง มาเป็นแบบใช้ไขลาน แล้วขนาดก็จะเล็กลงจนเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะ นาฬิกาพก แล้วกลายเป็นนาฬิกาข้อมือ แบบไขลาน พัฒนากันมาเรื่อยๆ จนเป็นแบบใส่ถ่าน มีนาฬิกาแบบตัวเลข ที่นี่การจัดแสดงของเค้าจะอัพเดทจนถึงปัจจุบันคือ มี Smart Watch ด้วยนะคะ ชนิดที่เรียกว่าหากชื่นชอบนาฬิกา และอยากเรียนรู้วิวัฒนาการของมัน ก็สามารถเข้าชมและเข้าใจความเป็นมาของนาฬิกาในแต่ละยุคสมัยได้เลยค่ะ

นาฬิกาโบราณที่ British Museum นาฬิกาโบราณที่ บริติชมิวเซียม ภาพจำลองของหน้าตาคนในอดีต

นอกจาก นาฬิกาแล้ว เดินไปเรื่อยๆ เราก็จะเห็นนิทรรศการที่จัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเงิน เงินคือสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ดังนั้น ประเทศต่างๆ มีสิ่งของที่ใช้เป็นสื่อกลางไม่เหมือนกัน บางประเทศใช้เปลือกหอย บางประเทศใช้ทองคำ บางประเทศใช้เหรียญ ในรูปแบบต่างๆ นิทรรศการนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เงินมีวิวัฒนาการอย่างไร จากเปลือกหอย ทองคำ และเงินรูปแบบต่างๆ กลายมาเป็น ธนบัตรและเหรีษญกษาปต์ การกำเนิดของบัตรเครดิต บัตรเดบิต เครื่องรูดบัตรต่างๆ แม้กระทั้ง ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่นพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน ก็มีให้ได้เรียนรู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไร รูปแบบหรือหน้าตาเป็นอย่างไร และประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีวิวัฒนาการทางการเงินอย่างไร ซึ่งเค้าเลือกประเทศสำคัญๆ ของแต่ละภูมิภาคของโลกมาแสดงไว้ มีของไทยด้วยนะคะ

Money Matters Money Matters

ครึ่งวันผ่านไป Knot และ Juth เริ่มเมื่อยและหิว เดินขึ้นมาชั้นสองก็เห็นคาเฟ่ จึงเลือกที่รับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ ชาร้อนกับพิซซ่าแป้งพาย อร่อยมากมาย

เมื่อรับประทานเสร็จ เราก็เดินกันต่อ ชั้นสองส่วนใหญ่เป็นการแสดงของวัตถุโบราณชิ้นเล็กๆ จัดวางไว้ในตู้กระจก พร้อมเรื่องราวที่มาที่ไปของแต่ละชิ้น

จากชั้นสองเราก็เดินลงไปชั้นอื่นๆ ต่อ ขอบอกว่า แต่ละชั้นแต่ละห้องจะเชื่อมต่อกันด้วยบันได และมีการเล่นระดับของบันได ดังนั้น ควรเปิดแผนที่เพื่อดูว่าเราอยู่ตรงไหนและสนใจอยากไปดูเรื่องราวอะไรบ้างจะได้เดินไม่ไกลมาก บริติชมิวเซียม หากต้องการเดินชมให้ทั่ว เรียนรู้ทุกอย่างอย่างลึกซึ้ง คงต้องใช้เวลาเป็นเดือน เนื่องจาก ที่นี่จะพาทุกคนไปเที่ยวทั่วโลก หลายครั้งที่ Knot ชอบบอกทุกคนว่า หากมีโอกาสสักครั้งควรหาเวลามาที่นี่ เพราะแค่ บริติชมิวเซียม ที่เดียว ก็จะเหมือนเราได้เที่ยวทั่วโลกแล้ว

มัมมี่ ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี จากทั้งชาวอียิปต์และที่บริติชมิวเซียม

มัมมี่ มัมมี่

ภาพสุดท้ายที่ Knot เอามาฝากกันในโพสต์นี้ คือ ภาพรูปปั้นจาก Easter Island หรือ Moai ที่จัดแสดงอยู่ที่บริติชมิวเซียม ค่ะ เดินจากอียิปต์ เข้าสู่กรีกโรมัน ไปที่แอฟริกา ก็หมดวันแล้วค่ะ ทั้งเมื่อยและหมดแรง Knot และ Juth จึงขอหยุดการทัวร์ British Museum ไว้เพียงเท่านี้ ส่วนที่เราไม่ได้เข้าไปชมครั้งนี้ จะเป็นส่วนที่จัดแสดงนิทรรศการและวัตถุโบราณจากประเทศต่างๆ ในเอเซีย ซึ่งส่วนมากจะเป็นรูปปั้น รูปหล่อของพระและเทพเจ้าที่มาจากอินเดีย และจีน รวมถึงประเทศต่างๆ ที่เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ของไทยก็มีนะคะส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปและเครื่องประดับค่ะ รวมทั้งมีของที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานให้กับเจ้านายอังกฤษในสมัยที่ท่านเสด็จประพาสประเทศอังกฤษอีกด้วย

สำหรับโพสต์นี้ Knot ขอจบไว้ตรงนี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามได้ที่ Facebook @TripsinMyMemory หรือ www.tripsinmymemory.com หากมีเวลาฝากความคิดเห็นไว้เป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ หากใครสนใจจะไปเที่ยวอังกฤษสอบถามได้นะคะ พร้อมให้คำปรึกษาเสมอค่ะ ตอนต่อไป Knot พาไปชม Victoria and Albert Museum แล้วไปช้อปปิ้งกันแถว High Street Kensington กันค่ะ