โรงแรมที่เราพักครั้งนี้ Knot เลือกแบบไม่รวมอาหารเช้า เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะตื่นมารับประทานทันไหมนะคะ โรงแรมส่วนมากในญี่ปุ่นจะเสิร์ฟอาหารเช้าตั้งแต่ 6-9 โมงเช้า แต่เนื่องจากเราเป็นสายชิล เวลามาเที่ยวพักผ่อน ก็จะอยากตื่นสายกันหน่อย ก็ออกจากโรงแรมประมาณ 10 โมงเช้า เดินออกมาหาของเข้ากิน เมื่อคืนตอนเดินกลับจากร้านปูเล็งคาเฟ่น่ารักๆ ไว้ แต่ปรากฎว่าเค้าปิดวันอาทิตย์เลยอด ตัดสินใจลองเดินไปที่ตรอก Shin Sai Bashi ดู น่าจะมีสักร้านให้เรานั่งกินของเช้า ถ้าไม่มีก็มี Starbucks แน่ๆ แต่เราเดินเข้าไปในตรอกเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทาง Dotonburi (ก่อนถึงทางลงสถานีรถไฟใต้ดิน Shin Sai Bashi) ตรงหัวมุมถนน มีร้านกาแฟเล็กๆ เปิดอยู่ มีเมล็ดกาแฟวางขายอยู่หน้าร้าน ป้ายเขียนว่า Key Coffee เลยตัดสินใจเข้าไปลองดูค่ะ อยากลองร้าน Local ตามสไตล์ของ Trips in My Memory

บรรยากาศภายในร้าน

บรรยากาศภายในร้าน Key Coffee @ Shin Sai Bashi

ภายในร้านตกแต่งคล้าย Pub ที่เป็นร้านอาหารที่เราพบได้ทั่วไปในชนบทของอังกฤษ ลักษณะเป็น Bar มีเก้าอี้วาง Fixed ไว้โดยรอบ Counter คุณลุงเป็น Barista อยู่คนเดียว เรียกว่า รับออเดอร์ ชงกาแฟ ทำขนมปัง และเมนูอื่นๆ ตามสั่ง ไปจนถึงเก็บเงิน และล้างจานกันเลยค่ะ หากสังเกตในภาพ กาแฟที่ร้านนี้จะเป็นกาแฟที่บดเมล็ดสดๆ แล้วดริฟ ให้เราทานกันค่ะ หากสั่งกาแฟพิเศษตามเมนู หากสั่งเป็น อเมริกาโน คุณลุงก็มีเครื่องชงกาแฟนะคะ

Menu ของร้าน

เช้านี้ เราเข้าไปในร้าน ก็ตื่นเต้นกับบรรยากาศร้าน ไม่คิดว่าจะเดินมาเจอร้านน่ารักขนาดนี้ เลือกไม่ผิดจริงๆ ภายในร้านมีคนญี่ปุ่นนั่งอยู่ก่อนแล้ว 4 คน 2 คนมาด้วยกันนั่งอยู่ด้านใน อีกสองคนน่าจะมาคนเดียว นั่งอ่านหนังสือไปจิบกาแฟไป

พอเรานั่งปุ๊บ คุณลุงก็มาทักทาย พี่เจก็ขอเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่น ลืมบอกไปเลยค่ะว่า ทริปนี้เรามีล่ามกิตติมศักดิ์มาด้วยเป็นทั้งล่ามและตากล้อง เป็นใครไปไม่ได้ นั่นก็คือ คุณ Juth แห่ง Juth.net นั่นเองค่ะ

แก้วกาแฟบนชั้น
บรรยากาศของร้าน

หากสังเกต จะเห็นว่าแก้วแต่ละชุดที่คุณลุงใช้เสิร์ฟ จะไม่เหมือนกันค่ะ เดาว่าแต่ละชุดจะใช้เสิร์ฟเมนูที่ต่างกันค่ะ เช่น โกโก้ จะมาในแก้วที่ต่างกับอเมริกาโนค่ะ จานชามช้อนส้อมที่คุณลุงใช้ มีความยุโรปมากค่ะ บรรยากาศของร้านทำให้ Knot นึกถึงการรับประทานอาหารเช้าใน Manor หรือ ปราสาทโบราณใน Scotland โดยเฉพาะ Sally Lunn’s (ร้านชา ร้านโปรดที่ Bath)

อุปกรณ์การชงกาแฟของคุณลุง

เครื่องดื่มและอาหารเช้าแบบง่ายๆ

ตอนเข้าไปไม่ได้สังเกตว่าคุณลุงดริฟกาแฟ อย่างแรกที่มองคือเราจะอ่านออกบ้างไหม แต่เมนูของคุณลุงมีภาษาอังกฤษกำกับไว้ทุกบรรทัดค่ะ เอาเป็นว่าถึงจะสื่อสารกันลำบาก แต่เราก็สามารถสั่งอาหารได้โดยการจิ้มไปที่เมนูค่ะ ถ้าเราพูด/อ่านญี่ปุ่นไม่ได้

Kirimayan Drip Coffee
Cafe Au Lait

Knot เห็นว่าเมนูมีภาษาอังกฤษ ก็ดีใจมากมาย เปิดดูไปเรื่อยๆ มี 2-3 หน้าค่ะ เมนูมีกาแฟพิเศษ แบบแพงกว่าปกติอยู่ค่ะคือ Kirimayan ตอนแรกเข้าใจว่าคุณลุงคงใช้เมล็ดกาแฟพิเศษ บดแล้วชงใส่เครื่องแบบปกติ ที่ไหนได้ บดสด แล้วดริฟให้ด้วยค่ะ แบบว่า ดีมากมาย จนต้องมากลับมาอีกรอบในทริปเดียวเลยค่ะ คือเช้าแรกที่ของทริปและเช้าวันกลับค่ะ เช้าแรกเราสั่ง Kirimayan Coffee อย่างที่เล่าค่ะ เป็นกาแฟดริฟ หอม อมเปรี้ยวนิดๆ เพราะเป็นแบบคั่วอ่อนค่ะ พี่เจสั่ง Cafe Au Lait หรือ กาแฟใส่นมค่ะ พร้อมกับ Jam Toast 2 ชิ้น ค่ะ คนละชิ้น

Americano
Hot Cocoa

ลืมไปนิดนึงค่ะ ว่าจะพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่น เวลาเราเดินเข้าไปในร้าน พนักงานจะตะโกนทักทายว่า Irasshaimase (อิ รัส ไซ มา เสะ) แล้วเราก็เดินเข้าไปนั่งได้เลยนะคะ ถ้าเค้าไม่มีพนักงานมาพาเราไปนั่งที่โต๊ะค่ะ ถ้ามีก็รอให้พนักงานพาเราไปที่โต๊ะนะคะ ร้านคุณลุงมีคุณลุงคนเดียว คุณลุงก็ดูเมินๆ เรานิดๆ น่าจะอายุเกิน 70 ค่ะ แต่ยังแข็งแรงอยู่ เราก็เดินเข้าไปนั่งเอง ขอเมนู คุณลุงหยิบเมนูมาให้ แล้วก็เอาน้ำเปล่ามาให้เราก่อนคนละแก้ว จากนั้นก็ไปง่วนกับการทำ Cheese Toast และเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่นค่ะ พอเราพร้อมสั่ง พี่เจก็เรียกคุณลุงด้วยภาษาญี่ปุ่น แล้วสั่งกาแฟ และ Jam Toast 2 ชิ้น วันแรกคุณลุงพยายามจะพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับ Cheese Toast แต่เราไม่เปลี่ยนใจ เพราะความเป็นชีส Knot ทานนมไม่ได้ค่ะ แพ้ Lactose แต่ Cheese Toast ของคนข้างๆ หน้าตาหน้ากินมาก เดาว่าคุณลุงอาจจะอยากแนะนำให้เราทาน Cheese Toast เมนูเด็ดอะไรประมาณนั้น

Mamalade Jam Toast
Mamalade Jam Toast
Mamalade Jam Toast

ราคา

มื้อแรกเราจบไปที่ 2,3xx เยน แพงนิดนึงที่กาแฟ Kirimayan ของ Knot ค่ะ ขนมปังปิ้งของคุณลุงเป็นขนมปังแผ่นหนาปิ้งแบบกรอบนอกนุ่มใน ทาเนยและแยมส้มอย่างเยิ้มค่ะ เป็นแยมส้มที่ไม่มีรสขมของเปลือกส้มเลยค่ะ อิ่มอร่อยด้วยราคาประมาณ 800 บาท/สองคน ตกคนละ 400 บาท สำหรับกาแฟและขนมปังปิ้ง ก็พอสมควร แพงกว่าที่เราทาน Dean & Deluca นิดเดียวค่ะ

My First Breakfast
ปรุงกาแฟ
กินละน้า

วันกลับเรามีเงินสดเหลือกันไม่เยอะ ก็ไปกินร้านนี้กันอีกรอบ คราวนี้พี่เจสั่งโกโก้ร้อน คุณลุงทำช้ามาก เพราะคุณลุงทำฟองนมด้วยการต้มและตีให้ขึ้นฟองค่ะ สุดยอดมากของร้านกาแฟทำมือค่ะ พอกลับมากินกาแฟแบบปกติ ราคาที่จ่ายเหลือเพียง 1350 เยน 500 บาท/สองคน ก็คนละ 250 บาทเท่านั้น ถูกกว่ากิน Paul ที่บ้านเราค่ะ แต่กาแฟและโกโก้อร่อยกว่าเยอะ

ป้ายภายในร้าน

หากใครมีโอกาสไปเยือนโอซาก้า แนะนำให้ไปลองชิมกาแฟ โกโก้ และขนมปังปิ้งร้านนี้ค่ะ หากไม่กลัวอ้วนก็จัด Cheese Toast กันเลยค่ะ Jam Toast ก็อร่อยมากค่ะ น่าจะเป็นไม่กี่ร้านในตรอก Shinsaibashi ที่เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าจนดึกค่ะ เพราะค่ำๆ เดินกลับโรงแรมก็จะเห็นคุณลุงเดินออกมากวาดหน้าร้านค่ะ

ทริปญี่ปุ่นทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ นะคะ เนื่องจากมีเวลาไม่เยอะ และ Knot เลือกที่จะไปเที่ยวที่ที่อยากไปอีกหรือสถานที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยไปแต่อยากไปกันเท่านั้นค่ะ ไม่ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวจริงจังกันเท่าไหร่ค่ะ แต่หากสนใจสอบถามกันได้นะคะ ทั้งการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในญี่ปุ่น สรุปง่ายๆ ว่า การไปโอซาก้าครั้งนี้ คือ การไปพักผ่อนหย่อนใจ กับสถานที่ที่อยากไป อาหารที่อยากกิน และกิจกรรมที่อยากทำเท่านั้นค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม Trips in My Memory และร่วมเดินทางไปด้วยกันผ่านบล็อกของ Knot แห่งนี้นะคะ หวังว่าบทความต่างๆ ที่ Knot เขียนในบล็อกพื้นที่นี้ จะเป็น Inspriration ให้หลายๆ ท่านได้ร่วมเรียนรู้ และสนุกสนานกับการเดินทางไปด้วยกันกับ Knot ค่ะ หากชื่นชอบอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และกดติดดาว Facebook page และ Instagram ได้ที่ @TripsinMyMemory หรือติดตาม Knot ที่เว็บไซต์ www.tripsinmymemory.com เพื่อเป็นกำลังใจให้ Knot กันต่อไปค่ะ