วันที่ 17 เมษายน 2019 Knot เดินทางไปขอวีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศแคนาดา โพสต์นี้ Knot ขอแบ่งปันประสบการณ์การขอวีซ่าครั้งนี้นะคะ ต้องบอกก่อนว่าทริปแคนาดาที่ Knot จะไปครั้งนี้เป็นการเดินทางไปกับ บ.เจบีพี อินเตอร์เนชันแนลเพ้นท์ จำกัด (สี JBP) ในฐานะลูกค้านะคะ ก็จะเป็นการเดินทางไปกับบริษัททัวร์ค่ะ การจองคิวและการจัดเอกสารต่าง ๆ จึงมีทีมงานของบริษัททัวร์ดูแลให้ส่วนหนึ่งค่ะ

สถานที่ยื่นคำร้องของวีซ่า

การขอวีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศแคนาดาในประเทศไทย จะต้องยื่นคำร้องผ่าน
ศูนย์รับยื่นคำร้องขอวีซ่าแคนาดา หรือ VFS Global Canada ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้นที่ 28 อาคารเทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 ค่ะ สามารถเดินทางโดย BTS ลงสถานีนานาค่ะ เดินไปลงทางออกที่เชื่อมกับโรงแรม Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ได้เลยค่ะ ขึ้นลงสะดวกมากค่ะ โรงแรมจะอยู่ปากซอยสุขุมวิท 13 พอดีค่ะ อาคารเทรนดี้จะเดินเข้าซอยไปประมาณ 50 เมตรทางขวามือค่ะ ใต้อาคารมีร้านกาแฟ ร้านอาหารหลายแห่งให้เรานั่งรอคิวได้ค่ะ มี Tom Tom, Peri Peri และอื่นๆ อีกมากมายค่ะ แต่คนก็จะเยอะมากเพราะอาคารนี้มีศูนย์รับยื่นคำร้องขอวีซ่าหลายประเทศมากค่ะ แค่ที่อยู่ชั้น 28 ก็ 4 ประเทศแล้วค่ะ UK, Australia, Netherlands และ Canada ค่ะ

โพสต์นี้ Knot จะเล่าเฉพาะของแคนาดาเท่านั้นนะคะ เดี๋ยวจะมาเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าของที่อื่นกันในโพสต์อื่นๆ ค่ะ ของแคนาดา ถ้าเรายื่นขอวีซ่าเอง สามารถกรอกใบสมัคร หรือ Application form ผ่านระบบออนไลน์ของทางสถานฑูตก็ได้ค่ะ ข้อดีของการยื่นใบสมัครและเอกสารต่างๆ ผ่านออนไลน์ คือ รวดเร็วกว่าค่ะ แต่ยังไงก็ต้องไปเก็บ Biometric data ที่ศูนย์รับคำร้องอยู่ดีค่ะ และเราต้องสแกนเอกสารเป็นไฟล์และแนบไปกับใบสมัครของเราในระบบก่อนที่จะไปเก็บ Biometric data ค่ะ เมื่อยื่นเอกสารผ่านระบบแล้ว สถานฑูตจะพิจารณาและส่งอีเมลตอบมาที่เราว่าเค้าต้องการเอกสารเพิ่มเติมหรือไม่ แล้วให้ไปเก็บ Biometric data พร้อมกับนำหนังสือเดินทางตัวจริงไปติดวีซ่าเมื่อไหร่ค่ะ การยื่นออนไลน์จึงเหมาะกับคนที่เคยได้วีซ่าแล้ว ไม่ต้องเก็บ Biometric data หรือผู้ที่ไม่ต้องการทิ้งหนังสือเดินทางไว้กับศูนย์และสถานฑูตเป็นเวลานานค่ะ ครั้งนี้ Knot ยื่นแบบ Paper ค่ะ ก็จะกรอกใบสมัครพร้อมเตรียมเอกสารต่าง ๆ ดังนี้ (เอกสารใช้เหมือนกันทั้งแบบยื่น Online และ Paper ค่ะ)

เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าท่องเที่ยว

เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าท่องเที่ยว Knot ขอแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนะคะ (1) เอกสารจำเป็นต้องมี และ (2) เอกสารสนับสนุน (มีหรือไม่มีก็ได้ค่ะ)

  1. เอกสารที่จำเป็นต้องมี ได้แก่
    1. หนังสือเดินทางตัวจริง – มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน ณ วันเดินทาง หรือวันที่ขอวีซ่า มีหน้าว่างอย่างน้อย 1 หน้าเพื่อประทับวีซ่า
    2. รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังขาว จำนวน 2 รูป อายุไม่เกิน 6 เดือน
    3. เอกสารเกี่ยวกับการทำงานของผู้สมัคร – ถ้าเป็นพนักงานบริษัทหรือลูกจ้าง จำใช้หนังสือรับรองการทำงาน พร้อมระบุเงินเดือน และการขอลาหยุดเพื่อเดินทางไปแคนาดา และระบุว่าจะกลับมาทำงานที่บริษัทหลังกลับมาค่ะ ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ จะใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนของกิจการ อายุไม่เกิน 3 เดือน ฉบับภาษาไทยพร้อมฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเป็นนักเรียน/นักศึกษา ใช้หนังสือรับรองสถานภาพของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยค่ะ เอกสารหากเป็นภาษาไทย ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ การแปลสามารถแปลด้วยตนเองและลงชื่อรับรองเองก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องจ้างแปลค่ะ
    4. เอกสารการเงินของผู้สมัคร – ส่วนนี้สำคัญเพราะสถานฑูตจะใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะให้วีซ่าเรานานแค่ไหนค่ะ ซึ่งเอกสารส่วนนี้ ของแคนาดาจะต่างจากประเทศอื่นนิดนึงตรงที่ เค้าขอเป็น Bank Statement ของบัญชีส่วนตัว 6 เดือนย้อนหลัง วันที่ล่าสุดต้องเป็นเดือนเดียวกับวันที่เรามายื่นขอวีซ่า และต้องเป็น Bank Statement ที่ออกโดยธนาคารค่ะ สามารถใช้ฉบับที่ขอจาก Online Banking ต่างๆ ก็ได้ค่ะ หากใช้ ์Bank Guarantee (หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน) ต้องให้ธนาคารออกเป็นสกุลเงิน Canadian Dollar นะคะเงินที่เหลืออยู่ในบัญชี ควรมีประมาณ 200,000 บาทค่ะ (เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์แนะนำนะคะ เนื่องจากมีคนไปขอก่อนหน้าแล้วเงินไม่ถึง ทางสถานฑูตจึงขอดูบัญชีอื่นๆ เพิ่มเติมค่ะ)
    5. หากสถานภาพสมรส ไม่โสดหรือมีบุตร – ต้องจัดเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการสมรสไปด้วยนะคะ เช่น สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรส สำเนาเอกสารทางการเงินของคู่สมรส กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส เอกสารการรับรองบุตร เอกสารรับรองความเป็นสามีภรรยา ซึ่งต้องไปขอที่สำนักงานเขตฯ หรือที่ว่าการอำเภอตามทะเบียนบ้านของตัวเองนะคะ ข้อนี้ Knot เรียนรู้จากประสบการณ์ของเพื่อนร่วมทริปในครั้งนี้ซึ่งไม่ได้เตรียมเอกสารส่วนนี้ไปยื่นตอนขอวีซ่าครั้งแรก ทำให้วีซ่าออกล่าช้าและพลาดการเดินทางค่ะ
  2. เอกสารสนับสนุน (มีหรือไม่มีก็ได้ค่ะ) ได้แก่
    1. เอกสารการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ โปรแกรมการเดินทาง หนังสือเชิญ (กรณีเยี่ยมญาติ/เพื่อน) เอกสารการจองที่พัก และการเดินทางต่าง ๆ เช่น รถเช่า เป็นต้น
    2. เอกสารการเงินของบริษัท กรณีเจ้าของกิจการ – Bank Statement บัญชีกิจการที่ผู้สมัครเป็นเจ้าของ 6 เดือนย้อนหลัง วันที่ต้องอัพเดทจนถึงเดือนที่เราไปขอวีซ่าค่ะ เช่น ขอวันที่ 17 เมษายน ฺBank Statement อาจสิ้นสุดที่วันที่ 10 เมษายน ก็ได้ค่ะ
    3. เอกสารใบสำคัญรับเงินเดือน (Pay Slip) – 3 เดือนย้อนหลัง กรณีเป็นพนักงานบริษัท หรือข้าราชการ สามารถใช้หนังสือรับรองเงินเดือนร่วมกับ Bank Statement ส่วนตัวก็ได้เช่นกันค่ะ
    4. สำเนาหนังสือเดินทางเล่มเก่า (ถ้ามี) ไม่เกิน 10 ปี ก็พอค่ะ ควรถ่ายสำเนาหน้าหนังสือเดินทางเล่มเก่าเพื่อประกอบการพิจารณาของสถานฑูตด้วยค่ะ ว่าเราเดินทางเป็นประจำ น่าเชื่อถือ ไม่ไปเป็นผีน้อยแน่นอนค่ะ
    5. สำเนาวีซ่าและการลงตราต่าง ๆ ในหนังสือเดินทางเล่มเก่าย้อนไปไม่เกิน 10 ปีค่ะ ส่วนนี้ สถานฑูตจะใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อให้วีซ่าท่องเที่ยวเรายาวขึ้นได้ค่ะ ของ Knot ครั้งนี้ถ่ายสำเนาไปให้เค้าทุกหน้าเพราะเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์บอกว่าจำเป็นจริงๆ แต่เอาเข้าจริงเค้าคืนมาเยอะเหมือนกันค่ะ เก็บไปไม่เยอะค่ะ ประมาณ 5 ปีได้ค่ะ (Knot ถ่ายสำเนาไปให้ทุกหน้าเลยค่ะ เกือบ 50 แผ่น)
    6. จดหมาย To Whom It May Concerned – เราสามารถเขียนจดหมายถึงเจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาเพื่ออธิบายถึงความจำเป็นในการขอวีซ่าของเรา หรือสาเหตุที่เราไม่มีเอกสารการเดินทางต่างๆ ตามที่เราเห็นว่า เค้าควรทราบเพื่อประกอบการพิจารณาค่ะ Knot แนะนำว่า อย่าเขียนว่า ต้องการไปหาเพื่อน/ครอบครัวบ่อยๆ หากอยากได้วีซ่าท่องเที่ยวอายุยาวๆ แบบ Multiple นะคะ ควรเขียนว่าทำไมจึงอยากไปเที่ยวแคนาดาบ่อยๆ ในระยะเวลา 2-3 ปีมากกว่าค่ะ เนื่องจากบางครั้งการเขียนว่ามีเพื่อน/ครอบครัวอยู่ที่แคนาดา (ถ้าไม่ใช่นักเรียน) เค้าจะมองว่าเราจะไปอยู่ยาวเป็นผีน้อยได้ค่ะ ถ้าอยากไปทำงานที่แคนาดา ควรขอวีซ่าทำงานไปเลยจะดีกว่าค่ะ
Canada

การยื่นคำร้องผ่านระบบ Online หรือยื่นแบบ Paper

หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อย หากต้องการสมัครออนไลน์ ก็ไปที่ลิงค์ด้านบนได้เลยค่ะ ทำตามขั้นตอนตั้งแต่สร้างบัญชีผู้ใช้ กรอกใบสมัคร แนบเอกสารเท่าที่ต้องการแนบค่ะ กด Submit แล้วรออีเมลตอบกลับจากสถานฑูตว่าให้เราจองคิวเพื่อไปเก็บ Biometric ได้เลยหรือไม่ ค่าธรรมเนียมวีซ่าผ่านออนไลน์ 100 ดอลลาร์แคนาดาค่ะ ใช้เวลาประมาณ 5 วันค่ะ จะเร็วกว่าแบบที่ยื่นที่ศูนย์นิดนึงค่ะ

หากต้องการยื่นแบบ Paper ก็ไปกรอกและพิมพ์แบบฟอร์มใบสมัครซึ่งสามารถคลิกดาวน์โหลดได้ค่ะ ตรวจ Document Checklist ว่าเราเตรียมเอกสารครบตามที่เค้ากำหนดหรือไม่ (ข้อมูลส่วนนี้สถานฑูตจะมีการอัพเดทเป็นประจำค่ะ) ชำระเงินแล้วนัดวันไปยื่นเอกสารที่ศูนย์ค่ะ ค่าธรรมเนียมวีซ่าอยู่ที่ 100 ดอลลาร์แคนาดาค่ะ ระยะเวลาประมาณ 8 วันค่ะ

ประสบการณ์ส่วนตัวของ Knot

Knot แนะนำว่าให้นัดช่วงเช้านะคะ Slot แรก 8.30 น คนจะไม่เยอะมากค่ะ มาถึงก็ตรวจเอกสารแล้วขึ้นไปที่ศูนย์ได้เลยค่ะ ที่สำคัญ! อย่าลืมพิมพ์ใบนัดไปด้วย และเตรียมใบนัดไว้บนสุดเลยค่ะ รปภ. จะขอดูใบนัดเพื่อตรวจสอบชื่อและเวลานัดของเราก่อน แล้วให้เราลงชื่อ ทำบัตรคิวแล้วจึงจะให้เราเข้าไปด้านในค่ะ วันนี้ Knot ได้คิวเวลา 11.30 น. Knot ไปถึงประมาณ 10.30 น ไปนั่งรอเจ้าหน้าที่ที่เค้าเตรียมเอกสารมาให้ค่ะ 11.00 น ก็ขึ้นลิฟต์ไปค่ะ มีคนที่ได้คิว 12.30 น กับบ่ายขึ้นมาด้วยค่ะ รปภ. บอกให้ไปพิมพ์ใบนัดมาค่ะ เดาว่าเค้าน่าจะอยากมาลัดคิวค่ะ มาก่อนเวลา รปภ. จะยังไม่ให้บัตรคิวและยังไม่ให้เข้าด้านในค่ะ Knot เห็นสองคนนี้เข้ามาตอน เที่ยงนิดๆ ค่ะ เค้าจะให้เราเข้าก่อนเวลานัดไม่เกิน 15 นาทีค่ะ เนื่องจากด้านในเล็กมาก มีห้องเก็บ Biometric data แค่สองห้องเท่านั้นค่ะ

เท่าที่สังเกตุนะคะ 1 Slot จะมีรายชื่อแค่ 2-3 คนค่ะ พอเราเข้าไปด้านใน รอไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เรียกคิวให้เราไปยื่นเอกสาร ชำระเงินค่า SMS แล้วเจ้าหน้าที่ก็ตรวจเอกสารให้เราเซนต์ชื่อรับทราบว่าเรายื่นเอกสารอะไรบ้างค่ะ ควรอ่านให้ละเอียด ตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ทำเครื่องหมายครบตามเอกสารที่เรานำไปให้หรือไม่ ถ้าเอกสารที่เรานำไปให้ไม่อยู่ใน List ของเค้า เจ้าหน้าที่ต้องเขียนรายการเอกสารนั้นๆ ลงในช่องเอกสารอื่นๆ ด้วยค่ะ เอกสารทุกรายการที่เรานำไปให้ต้องระบุว่าตัวจริงหรือสำเนาให้ถูกต้อง เนื่องจากมีผลต่อการพิจารณาของเจ้าหน้าที่สถานฑูตด้วยนะคะ หากเราให้เอกสารไปแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่ารับไปแล้ว หากเจ้าหน้าที่สถานฑูตต้องการอาจมีการขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งจะเสียเวลาในการรอมากขึ้นค่ะ ส่วนเอกสารที่มีอยู่ใน List แต่เราไม่ได้นำไป ไม่ต้องกังวลค่ะ บางรายการเป็นรายการที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ค่ะ การตรวจเอกสารจะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีค่ะ หากไม่มีอะไรผิดพลาดค่ะ หากเอกสารที่นำมาผิด ชื่อไม่ตรง ไม่ได้แปลมา เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้เราทราบ เพื่อตัดสินใจว่าจะนำเอกสารที่ถูกต้องมาเพิ่ม/เปลี่ยน หรือ ยื่นแบบนี้เลยก็ได้ค่ะ

หลังจากนั้น ก็ไปนั่งรอเก็บ Biometric data ค่ะ เข้าไปในห้องเจ้าหน้าที่ก็จะให้เรายกมือขึ้น กางนิ้วให้กล้องจับภาพค่ะ แล้วเริ่มสแกนนิ้วครบทั้ง 10 นิ้ว แล้วก็ให้เราย้ายไปถ่ายรูปค่ะ เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์นี้น่ารักพูดจาดีทุกคนค่ะ เมื่อเก็บข้อมูลเสร็จ เจ้าหน้าที่จะให้ใบเสร็จมาพร้อมบอกว่าถ้าให้คนอื่นมารับให้เซนต์ใบมอบอำนาจมาด้วยพร้อมใบเสร็จตัวจริงนะคะ ถ้าเราจะให้ส่งไปรษณีย์ไปให้ก็สามารถจ่ายค่า EMS ได้ค่ะ เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ เวลาทั้งหมดที่ใช้ไปในการยื่นเอกสารขอวีซ่าครั้งนี้ไม่รวมเวลาที่นั่งรอเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ คือ ประมาณ 40 นาทีค่ะ ใช้เวลาไม่เยอะมากค่ะ แต่ก็ไม่เร็วนะคะ

ตอนนี้ Knot กำลังรอลุ้นผลอยู่ว่าจะได้วีซ่าท่องเที่ยวอายุกี่ปี เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าคนก่อนหน้านี้ ที่เค้าพามาขอก่อนสงกรานต์ได้ไป 4 ปี เท่าอายุหนังสือเดินทางที่เหลือของเค้า ของ Knot หนังสือเดินทางจะหมดอายุ ปี 2022 หวังว่าจะได้เท่าอายุหนังสือเดินทางเล่มนี้นะคะ ได้นานกว่านั้นก็จะดีมากมาย เดี๋ยวทราบผลแล้วจะมาอัพเดทกันนะคะ

Knot ขอจบโพสต์นี้ไว้เท่านีันะคะ โพสต์หน้าจะมาเล่าเรื่องราวการไปขอวีซ่าออสเตรเลียกันบ้างค่ะ หากชอบอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดดาวกันที่ FB, IG และ Youtube: TripsinMyMemory นะคะ เดือนหน้า Knot จะพาไปเที่ยวน้ำตกไนแองการาฝั่งแคนาดากันค่ะ

Updated: 22 April 2019 (2 วันทำการ หลังจากยื่นคำร้องขอวีซ่า) Knot ได้รับอีเมลจากสถานฑูตส่ง เอกสาร “Validity of your biometric information” มาให้ เอกสารฉบับนี้ มีอายุ 10 ปี เป็นเอกสารยืนยันว่าทางสถานฑูตได้ตรวจสอบข้อมูล Biometric ของเราแล้ว และเราจะไม่ต้องทำอีก 10 ปี หากต้องการขอวีซ่าเข้าประเทศแคนาดาอีกครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะได้รับวีซ่าหรือไม่อย่างไรค่ะ ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป แล้ว Knot จะมาอัพเดทกันอีกครั้งเมื่อได้รับวีซ่าแล้วค่ะ

Updates: 30 April 2019 Knot ได้รับข่าวดีจากบริษัททัวร์ว่า ได้รับหนังสือเดินทางคืนมาแล้ว และ Knot ได้วีซ่ายาวนานเท่าอายุหนังสือเดินทางเลยค่ะ ถึงปี 2022 ค่ะ แล้วจะพาไปเที่ยวให้คุ้มกับระยะเวลาที่ได้มาค่ะ วันออกวีซ่าคือวันเดียวกับที่ได้รับอีเมลหนังสือรับรอง Biometric เลยค่ะ ถือว่าทางสถานฑูตดำเนินการเร็วมากค่ะ

ข้อควรระวังในการเตรียมเอกสาร

แม้เราจะสามารถหาข้อมูลจากเว็บไซต์สถานฑูตและเว็บไซต์ต่างๆ แต่บางครั้ง เอกสารที่เราเตรียมไปตามมาตรฐานที่ระบุไว้ในเว็บนั้นๆ อาจจะไม่เพียงพอ เนื่องจากทางสถานฑูตจะพิจารณาข้อมูลของผู้ขอวีซ่าจากเอกสารที่เราจัดเตรียมไปให้ Knot แนะนำว่าควรเผื่อระยะเวลาในการยื่นขอวีซ่าอย่างน้อย 1-2 เดือนก่อนวันเดินทาง โดยเฉพาะคนที่มีประวัติการเดินทางไม่มากนัก แม้ว่าในเว็บจะบอกว่าระยะเวลาในการขอวีซ่า คือ 8-15 วัน แต่หากการยื่นขอครั้งแรกมีปัญหา ทางสถานฑูตขอเอกสารเพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งปฏิเสธการออกวีซ่า เราจะได้มีเวลาเพียงพอในการยื่นเอกสารเพิ่มเติม หรืออุทธรณ์เพื่อขอวีซ่าใหม่อีกครั้งค่ะ

ระยะเวลาในการยื่นเอกสารเพิ่มเติม ต้องเผื่อเวลาให้สถานฑูตอย่างน้อย 3 วันทำการ ถ้าเป็นการอุทธรณ์ควรเผื่อเวลาไว้ที่อย่างน้อย 7 วันทำการค่ะ เผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาดค่ะ การขอวีซ่าแคนาดาในครั้งนี้ เพื่อนร่วมทริปประสบปัญหากันหลายคนค่ะ ทั้งขอเอกสารทางการเงินเพิ่มเติม ขอเอกสารรับรองบุตร ขอสำเนาวีซ่าที่เคยเดินทางมาทั้งหมด และอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่กรณีค่ะ

หลังจากได้วีซ่ามาแล้ว ควรตรวจสอบตัวสะกดของชื่อนามสกุล และอายุของวีซ่าให้ตรงกับที่เราขอและจะเดินทางนะคะ บางครั้งสะกดผิด 1 ตัว เราก็เข้าประเทศเค้าไม่ได้แล้วนะคะ แล้วเจอกันในโพสต์ต่อไปนะคะ จัดกระเป๋า เตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางไปตะลุยแคนาดากันค่ะ

Photo by Hermes Rivera and Guillaume Jaillet on Unsplash