Blenheim Palace หรือ วังเบลนอิม (ออกเสียงแบบ British English นะคะ) หลายคนอาจออกเสียงตามตัวสะกดว่า เบลนไฮม์ แต่ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ตัว H จะออกเสียงเป็น ออ เหมือนกันว่า Hour ค่ะ เลยออกเป็น เบลนอิม บางคนอาจแบบรวบคำก็จะกลายเป็น “เบลนนิม” ก็ได้ค่ะ เป็นเรื่องของ Accent ค่ะ British English มีหลาย Accent มาก เท่าที่ Knot รู้จักและใช้กันอยู่ทั่วไป ก็ประมาณ 10 accents ค่ะ ส่วนตัวบอกได้อย่างภูมิใจว่าเป็นคนพูดสำเนียงอังกฤษแบบ “Receipt pronunciation” หรือ “RP” บนไทยค่ะ หรือที่ชอบบอกทุกคนว่า Knot พูดภาษาอังกฤษแบบ “Thinglish” คือ ไทยผสมอังกฤษค่ะ

กลับมาเข้าเรื่อง Blenheim Palace กันดีกว่าค่ะ วังแห่งนี้มีตัวอาคารขนาดใหญ่มาก แต่ก็ยังมีพื้นที่สวนที่ใหญ่กว่าอีกค่ะ ตั้งอยู่ที่เมือง Blenheim ใน Oxfordshire ค่ะ ไม่ไกลจาก Bicester Village มากนัก ขับรถประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ แต่ครั้งนี้เรามาจาก Warwick Castle มาถึงก็บ่ายสองกว่าๆ ค่ะ แวะชมที่นี่โดยไม่ได้วางแผนหรือศึกษามาก่อนเลย เรียกว่าเห็นป้ายข้างทางว่ามี Blenheim palace เป็นทางผ่านเข้าลอนดอน ก็เปิด Google Map แล้วขับรถตามไปค่ะ จาก Warwick Castle มาไม่ไกลค่ะ ประมาณครึ่งชั่วโมง ขับลงจาก Motorway แยกลงไปทางชนบทนิดเดียวค่ะ แต่พอไปถึงเห็นของจริงแล้วก็ได้รู้ว่า ใหญ่โตมาก แต่เรามีเวลาน้อยมาก อยู่ที่นี่ได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมงค่ะ แต่มาแล้วก็ต้องเข้าชมค่ะ

Ticket booths

ตรงทางเข้าจะมีตู้ยามขายบัตร หรือ Ticket Booths บัตรจะมีสองประเภทใหญ่ ๆ ค่ะ คือ บัตรชม Palace, Park and Gardens และบัตร Park and Gardens ทั้งสองประเภทจำมีราคาสำหรับผู้ใหญ่ เด็ก นักเรียน ครอบครัว และอื่นๆ หากสนใจสามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้หรือดูราคาบัตรเข้าชมประเภทต่างๆ ได้ที่ https://www.blenheimpalace.com/tickets-booking/tickets/ Knot เลือกซื้อบัตรชม Palace, Park and Gardens ค่ะ คือเข้าชมได้ทั้งหมดของวังนี้ แต่จริงๆ คือเรามีเวลาพอแค่เดินชม Palace ค่ะ

Tickets

ซื้อบัตรเสร็จแล้วเราก็เข้าไปจอดรถค่ะ ลานจอดรถเค้ากว้างมากค่ะ เลือกจอดได้ตามสะดวก แล้วเราก็เดินไปยังตัวคฤหาสน์กันค่ะ อากาศตอนบ่ายแดดเริ่มออกก็จะร้อนๆ หน่อย วันนี้ฟ้าใสมาก เหมาะกับการ Chill out สุดๆ ค่ะ ที่นี่เปิดให้เข้าชมสวนได้ตั้งแต่ 9 โมงเช้า และจะปิดเวลา 6 โมงเย็นหรือเมื่อฟ้ามืดค่ะ ส่วนตัวอาคารจะเปิดให้เข้าชม เวลา 10.30-16.30 น. ค่ะ

เกร็ดประวัติของ Blenheim Palace

Blenheim Palace เป็น “วัง” เดียวในอังกฤษที่เจ้าของไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ใดๆ วังแห่งนี้เป็นที่พำนักอาศัยหลักของ Dukes of Marlborough อ่านว่า “มัล บร้า” ไม่ใช่ มัลโบโร่ห์ นะคะ Blenheim Palace แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบ English Baroque ออกแบบโดย John Vanbrugh และ Nicholas Hawksmoor วังแห่งนี้ได้รับการยกย่องเป็น World Herritage Site โดย UNESCO ในปี ค.ศ. 1987

Knot ที่หน้า Blenheim Palace

Blenheim Palace ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนที่ได้ชื่อว่า “Romantic Park” ซึ่งสวยงามมาก (ที่เราไม่มีเวลาได้ไปชม เพราะใหญ่และกว้างมาก) ออกแบบโดยนักจัดสวนชื่อดังที่รู้จักกันในนาม Lancelot ‘Capability’ Brown สถาปัตยกรรมทั้งตัวอาคารและสวนรวมกันถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบใหม่ในสมัยนั้น ซึ่งเรียกกันว่า “a naturalistic Versailles”

ความโค้งมนของประตูหน้าต่างสไตล์ English Baroque

วังนี้สร้างขึ้นโดยประเทศอังกฤษเพื่อมอบให้กับ John Churchill ซึ่งเป็น Duke of Marlborough ที่หนึ่ง เพื่อเป็นรางวัลสำหรับชัยชนะในสงครามกับฝรั่งเศสและบาวาเรียนในปี ค.ศ. 1704 วังนี้ก่อสร้างระหว่างปี ค.ศ. 1705 ถึง ค.ศ. 1722 ซึ่งเป็นถือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่บ่งบอกถึงความเป็นอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 18 ได้เป็นอย่างดี สงครามครั้งนี้เป็นสงครามที่เรียกได้ว่าตัดสินอนาคตของอังกฤษ และทำให้ John Churchill เป็นบุคคลสำคัญของโลกคนหนึ่ง

Knot

Blenheim Palace เป็นหนึ่งในผลงานชั้นเลิศของ John Vanbrugh และ Nicholas Hawksmoor นักออกแบบชื่อดังชาวอังกฤษ นำเสนอเอกลักษณ์และเล่าเรื่องราวของชัยชนะของกองทัพอังกฤษเหนือกองทัพฝรั่งเศส นอกจากนี้ การออกแบบสวนของวังยังได้รับแรงบันดาลใจจากการกลับสู่ธรรมชาติ สวนจึงจัดตกแต่งด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ส่วนของสวนนั้น ในตอนแรกออกแบบโดย John Vanbrugh แล้วได้รับการปรับปรุงโดย Lancelot “Capability” Brown

Exterior Design
Exterior design

ต่อมาในภายหลัง Blenheim Palace ยังเป็นสถานที่เกิด หรือ Birthplace ของบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งของโลก นั่นก็คือ Sir Winston Churchill หรือชื่อเต็มๆ คือ Winston Spencer Churchill เกิดที่ Blenheim Palace ในปี ค.ศ. 1874

The State Room

เมื่อเราเดินเข้าไปด้านในตัววัง แวะรับ Audio Guide กันสักนิด เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของวัง รูปภาพ เสื้อผ้า เครื่องดนตรี และนิทรรศการต่างๆ ที่ทางวังจัดแสดงค่ะ มีหลายภาษาให้เลือก แต่เสียดายไม่มีภาษาไทยค่ะ Knot ก็ฟังภาษาอังกฤษไปค่ะ

Audio Guide
แผนที่ของ Blenheim Palace
Audio Guide มาพร้อมรูปให้เราสัมผัสได้

ห้องแรกที่เราเดินเข้าไปจะเป็น The Great Hall ที่จัดแสดง Willis Organ ที่ทางวังจะมีการแสดงดนตรีให้แขกผู้มาเยือนฟังค่ะ

การตกแต่งที่แสดงถึงชัยชนะของอังกฤษ
Juth กับ China ประจำตระกูล Churchill
โมเดลทหารของสะสมของท่านเจ้าของวัง
โมเดลทหารของสะสมของท่านเจ้าของวัง

นิทรรศการจะบอกเล่าเรื่องราวของ Dukes of Marlborough และครอบครัว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แสดงถึงความเกี่ยวข้องของตระกูล Marlborough และ Spencer ซึ่งเป็นี่มาของชื่อกลางของท่าน Sir Winston Spencer Churchil

Duke of Marlborough ที่หนึ่งและครอบครัว
Duke of Marlborough และครอบครัวในปัจจุบัน
ภาพวาดสวยๆ โดยจิตรกรชื่อดังระดับโลก
Interior Design
ห้องจัดเลี้ยง หรือ The State Room
Interior Design
ห้องสมุดโบราณ

นิทรรศการด้านในตัวอาคารจะแบ่งเป็น ชั้นบน หรือ Upstair และ ชั้นล่าง หรือ Downstair แต่ Knot ไม่มีเวลามากพอที่จะได้ชมทั้งสองส่วนนั้นค่ะ แค่ชั้น Ground Floor ไปจบที่ นิทรรศการประวัติท่าน Sir Winston Churchill ก็ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าแล้วค่ะ แค่ชั้นเดียวก็ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อังกฤษช่วงที่ส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นในยุคศตวรรษที่ 18 และศตวรรษที่ 19 ซึ่งทำให้เราได้ทราบว่า ตระกูล Spencer-Churchill มีบทบาทสำคัญกับการเมืองการปกครองของอังกฤษมาทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน ที่ตอนนี้ รัชทายาทของราชวงศ์อังกฤษก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Spencer

The Spencer-Churchill family tree
บุคคลที่โลกไม่ลืม
Sir Winston Spencer Churchill

ด้านนอกของวังเบลนนิม

เดินชมนิทรรศการ เรียนรู้ประวัติศาสตร์กันจนท้องหิว ก็ชักชวนกันไปดูร้านของที่ระลึกกันค่ะ ร้านขายของที่ระลึก ใหญ่โต ของน่าซื้อมาก ราคาก็ประมาณนึงค่ะ

Knot ที่ลานหน้าวัง
ยิ่งใหญ่อลังการมาก
ทางเข้าไปชม The Great Hall
โมเดล Sir Winston Churchill
Quote เจ๋งๆ จากท่าน Sir

The Oxfordshire Pantry

จากร้านขายของที่ระลึก ก็แวะกิน Cream Tea กันที่ The Oxfordshire Pantry ร้านอาหารในวังค่ะ บอกเลยว่า Clotted Cream อร่อยมาก เลอค่าสุดๆ ถ้ามาแนะนให้ลองค่ะ ไม่ควรพลาดอย่างแรง Cream tea คือ Scone + Clotted Cream + Jam ค่ะ ไม่มีชาอยู่ใน Set นะคะ ในกรุงเทพฯ Knot ขอแนะนำว่าหากอยากกิน Cream Tea อร่อยๆ จะมีที่ Patissirie Rosie เอกมัย, Harrods, และ 1678 tea room ที่เกษร พลาซ่าค่ะ ร้านอื่นมีขายกันเยอะแต่สู้ไม่ได้ค่ะ ต่างกันที่ตัวครีมค่ะ

Cream Tea ที่ไม่ควรพลาด
Cake ก็เลิศ
Carrot Cake
Cream Tea for Two
ชาร้อน Earl Grey
Juth

วันนี้เรายังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยค่ะ เนื่องจากเราจะขับรถลงไปลอนดอนเพื่อคืนรถแล้วจะเที่ยวต่อในลอนดอนโดยใช้ Tube เป็นหลักค่ะ ระหว่างทางจะมี Service ให้เราแวะเข้าห้องน้ำ รับประทานอาหาร ชา กาแฟ มีตลอดค่ะ ตอนนี้ ใน Service จะมีตั้งแต่ WhSmiths, Waitrose, Starbucks, M&S และ ร้านอาหารต่างๆ มากมาย แนะนำให้ลอง Fish & Chips ใน Service ค่ะ อร่อยมาก

Knot ขออนุญาตจบโพสต์นี้ก่อนนะคะ โพสต์ต่อไปจะเป็นเรื่องราวของการตะลอนเที่ยวในลอนดอน และรวมถึงการดูแผนที่และการจับจ่ายของ Knot และ Juth ด้วยค่ะ หากชอบอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดดาวกันที่ Facebook: Trips in My Memory และ Instagram @tripsinmymemory กันไว้นะคะ ตอนนี้ Trips in My Memory มี YouTube Channel แล้วนะคะ หากสนใจตามไปดูกันได้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ