วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้ของเรานะคะ ไฟล์ทกลับกรุงเทพฯ ของเราเป็นไฟล์ทเย็นค่ะ ถึงไทยดึกๆ เราก็จะมีเวลาตอนเช้าเที่ยวโอซาก้ากันอีกนิดนึงค่ะ หากเรามาเยือนโอซาก้า แล้วไม่มาที่นี่ Osaka-Jo หรือ ปราสาทโอซาก้า ก็จะเหมือนมาไม่ถึง Knot มาเยือนโอซาก้าหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็ยังต้องกลับมาที่นี่ค่ะ ครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ การมาเยือนครั้งนี้เห็นความแตกต่าง การพัฒนาพื้นที่โดยรอบของปราสาท ทั้งอาคารหน้าตัวปราสาท ร้านกาแฟ ร้านค้าต่างๆ ซึ่งน่าจะเปิดเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ เห็นแล้วคิดถึงเพิงขายทาโกะยากิหน้าปราสาทเมื่อสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว เป็นร้านที่อร่อยมากค่ะ มีความ Local สุดๆ เลยค่ะ ปัจจุบันร้านนี้น่าจะอยู่ในอาคารที่ขายของที่ระลึกหน้าปราสาทค่ะ
การเดินทาง
สามารถเลือกใช้บริการ JR Loop line ไปลงสถานี Osakajokoen จากนั้นจะเดินประมาณ 5-10 นาทีก็จะถึงบริเวณปราสาทค่ะ แต่ครั้งนี้เราเลือกใช้บริการ Metro Line หรือ Subway กันค่ะ จากสถานี Shinsaibasi นั่งสาย Nagahori Tsurumi-ryokuchi Line (สีเขียวอ่อน) ไปลงที่สถานี Osaka Business Park (N21) เมื่อขึ้นจากสถานี มองหาป้ายทางออกมา Osaka Castle ค่ะ เราขึ้นมาจะเห็นสวนสาธารณะใหญ่โต ร่วมรื่น บรรยากาศน่านั่งพักผ่อนมากมายค่ะ เราจะมองเห็นตัวปราสาทได้จากตรงนี้เลยค่ะ เดินตรงไปเรื่อยๆ ตามทาง จะผ่าน Starbucks, Family Mart หลัง Starbucks มีห้องน้ำสารธารณะให้ใช้บริการค่ะ แต่ใน Starbucks ก็มีให้บริการนะคะ Knot เข้าไปใช้บริการได้ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องดื่มใดๆ แต่ถ้าเกรงใจ ก็ควรซื้อสินค้าของเค้าสักนิดค่ะ วันที่ Knot ไป ร้านคนเยอะพอสมควรค่ะ ไม่มีที่ให้เรานั่งเลยค่ะ น่าจะเป็นเพราะฝนตกก่อนที่เราจะมาถึงค่ะ ก็จะแฉะๆ นิดนึง ผู้คนเลยเลือกที่จะมานั่งในร้านกันมากกว่าค่ะ
หากพักอยู่ใกล้สายอื่นๆ ก็สามารถเลือกใช้บริการสาย Tanimachi Subway Line (สีม่วง) หรือ Chuo Subway Line (สีเขียวเข้ม) โดยลงที่สถานี Tanimachi 4-chome (T23/C18) ก็ได้ค่ะ แต่หากลงสถานีนี้จะเดินไกลกว่าลงที่ Osaka Business Park ค่ะ และทางเดินจะงงๆ นิดนึง เนื่องจากเราจะมองไม่เห็นตัวปราสาทค่ะ Knot ไปลงที่สถานีนี้ตอน Knot มาที่นี่ครั้งแรก (สิบกว่าปีแล้วค่ะ) ตอนนั้นยังไม่มี Google Map เลยค่ะ เปิดแผนที่เดิน ก็จะงงๆ นิดนึง การที่เรามี Google Map ช่วยให้เราเดินหาจุดหมายปลายทางได้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้นมากค่ะ ตอนนั้น ด้วยความเปิ่นของ Knot เราเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน พยายามมองหาปราสาทแต่พอไม่เห็น ก็คิดว่าคงจะเดินผิดทาง จนมีคุณลุงญี่ปุ่นท่านนึง เห็นเราเปิดแผนที่เดินไปมา คุณลุงก็เข้ามาถามด้วยภาษาอังกฤษแบบญี่ปุ่นว่าจะไปไหน เราก็บอกไปว่าหา Osaka Castle อยู่ คุณลุงก็ตอบว่า “Oh! Osaka-Jo” แล้วก็พยายามบอกทางเรา แต่ด้วยความที่ต่างคนต่างภาษา เราก็ไม่เข้าใจสักที สุดท้าย คุณลุงเลยพูดว่า “Ok, Follow me” แล้วคุณลุงก็พาเราเดินไปค่ะ
เราก็ได้พบว่า Osaka-Jo ของคุณลุงนั้น อยู่ตรงหน้าเรามานานมาก คือ เราเห็นกำแพงรอบปราสาทแล้วค่ะ แต่ไม่คิดว่าใช่ เพราะไม่เห็นปราสาทเลย จากสถานีรถไฟใต้ดินนี้ เราเดินประมาณ 10 นาที ก็จะเห็นทางเข้าค่ะ แต่เป็นทางเข้าที่ไม่เห็นปราสาทใดๆ เดินผ่านกำแพงหินเข้าไป ก็จะเห็นรถไฟซึ่งจะพานักท่องเที่ยวชมสวนรอบปราสาทค่ะ กำแพงของปราสาทไม่ได้มีแค่ชั้นเดียวนะคะ ผ่านชั้นแรกเข้าไป ก็จะมีอีก 2-3 ชั้นค่ะ ดังนั้น หากมาลงสถานีนี้ แนะนำให้เข้าประตูทิศใต้ค่ะ เดินใกล้ที่สุดแล้ว ถ้ามีเวลาหรือไม่อยากเดินไกลแนะนำให้นั่งรถไฟที่เค้ามีให้บริการค่ะ
เราไปช่วงต้นเดือนธันวาคม สวนของปราสาทก็ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีให้เราถ่ายรูปอยู่ค่ะ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นครั้งนี้ Knot เดินมาจาก Osaka Business Park ต้องบอกว่าเดินใกล้ที่สุดแล้วค่ะ แถมยังมีสวนสวยๆ ไว้ให้เราถ่ายรูปด้วยค่ะ
เดินประมาณ 20 นาที ขึ้นบันได แล้วเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ ค่ะ จนถึงลานหน้าปราสาท หากหันหน้าเข้าปราสาท จะมี Shopping Malls มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมายตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ ชื่อว่า Miraiza Shopping Mall ค่ะ
Miraiza Shopping Mall
หากยังได้ของฝากจำพวกของที่ระลึก งานฝีมือญี่ปุ่น เช่น กระเป๋าผ้า พวงกุญแจ แนะนำให้ลองดูที่นี่ค่ะ มีหลายร้านให้เลือกค่ะ ราคาไม่แพงมาก แล้วก็มีเครื่องทำเหรียญที่ระลึกด้วยค่ะ แต่เครื่องนี้คุณ Juth คิดว่าเสีย เพราะพยายามจะ Touch หน้าจอ แล้วไม่ทำงาน ดูไปดูมาจริงๆ คือ เป็นระบบที่ใชแป้นพิมพ์ด้านล่างในการสั่งงานค่ะ เลยได้มา 1 เหรียญ เก็บไว้เป็นที่ระลึก เนื่องจากหมดเหรียญไปกับการหยอดตู้เพื่อคีบตุ๊กตาค่ะ
จากทางเข้า หากเราเลี้ยวขวาไปจะมีห้องนิทรรศการบอกเล่าประวัติความเป็นมาและการบูรณะปราสาทโอซาก้า รวมถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ทั้งผู้ปกครอง ผู้ออกแบบ และผู้บูรณะด้วยค่ะ มีแม้กระทั่งว่า สวนของปราสาทมุมไหนดอกไม้อะไรบาน และแต่ละฤดูกาล Osaka Castle หน้าตาเป็นอย่างไร เรียกได้ว่า เที่ยวได้ทุกฤดูกาลค่ะ แต่ส่วนตัวไม่แนะนำให้มาช่วงฤดูฝนค่ะ เพราะท้องฟ้าจะหม่นๆ ถ่ายรูปไม่สวย และตอนเดินเข้ามาเราจะเปียกค่ะ เพราะไม่มีทางเดินในร่มให้เลยนะคะ การจะเข้าถึงปราสาท แม้ว่าจะใช้บริการรถไฟของเค้า เรายังไงก็ต้องเดินเท้าอยู่ดีค่ะ
Osaka Castle
ทริปนี้ Knot ไม่ได้เข้าไปด้านในของปราสาท ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้มากมายค่ะ เนื่องจากมาหลายครั้งแล้ว และไม่อยากปีนบันได ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงค่ะ เราสามารถซื้อตั๋วขาขึ้นแบบใช้ลิฟต์ได้ค่ะ แต่ต้องรอคิวนานประมาณนึงเลยค่ะ และสุดท้ายคือต้องเดินลงค่ะ ลิฟต์พาเราขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วให้เราค่อยๆ เดินลงทีละชั้นๆ เพื่อชมนิทรรศการต่างๆ ค่ะ อีกหนึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไม่อยากขึ้นไป ก็คือ อ่านไม่ออกค่ะ ทุกอย่างเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย แล้ววันนี้เราก็ไม่มีเวลามากนักค่ะ เดินชมสวน ช้อปปิ้ง เล่นตู้คีบตุ๊กตาก็หมดเวลาแล้วค่ะ
เราอยู่ที่ด้านนอกของปราสาทกันนานประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ได้เวลาอันสมควร ก็นั่งรถไฟกลับไปที่โรงแรมเพราะเรานัด Taxi มารับเพื่อไปส่งที่สนามบินคันไซค่ะ เพราะขามามาคนละ 1 ใบ ขากลับกลับคนละ 2 ใบค่ะ ในลูกเต็มไปด้วยของเล่นและของที่ระลึกเต็มไปหมดเลยค่ะ มาญี่ปุ่นคราวหน้าจะเป็นที่ไหนต้องรอติดตามกันนะคะ แอบบอกว่า ณ ตอนนี้ พ.ค. 2019 Knot ซื้อตั๋วจองที่พักสำหรับญี่ปุ่นทริปต่อไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
Last Supper of This Trip
เรามากินอาหารกลางวันที่สนามบินคันไซค่ะ เรามาถึงสนามบินก่อนเวลาเปิดเช็คอิน เราเลยมีเวลาไปหาของรองท้องก่อนค่ะ คุณ Juth พาเราลงไปกินที่ร้านอาหารตรงชั้นสอง Domestic departure ค่ะ คนจะเยอะหน่อย ลักษณะคล้ายโรงอาหารค่ะ คุณ Juth ทานข้าวหมูทอดราดซอสแกงกะหรี่ Knot ทานราเม็งค่ะ อร่อยและราคาไม่แพงค่ะ
พอได้เวลาเค้าเตอร์ check in เปิด เราก็เดินไปเช็คอินกัน โหลดกระเป๋าสัมภาระ แล้วเข้าไปเดินเล่นในสนามบิน รอขึ้นเครื่องกลับบ้านไปทำงานกันต่อค่ะ
Knot ขอจบโพสต์นี้ไว้ตรงนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ตามอ่านบล็อกของ Knot ขอฝาก Trips in My Memory ให้ทุกท่านช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามกันด้วยนะคะ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเดินทาง ที่พัก หรือแหล่งท่องเที่ยวสามารถสอบถามได้นะคะ เจอกันใหม่โพสต์ต่อไปนะคะ