โพสต์นี้ Knot ขอพาทุกคนไปสัมผัสวันอากาศดีๆ ของลอนดอนกันค่ะ มาลอนดอนกันทั้งทีหากพลาดสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ก็จะเรียกว่ามาไม่ถึงใช่ไหมคะ วันนี้เราก็จะเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในลอนดอนกันค่ะ หากใครมีเวลาไม่มากในลอนดอนสามารถเที่ยวตามโพสต์นี้ได้เลยนะคะ ใช้เวลาประมาณ 6 ชม แบบสบายๆ ค่ะ ถ้ารีบๆ ก็จะเหลือครึ่งวัน คล้ายๆ City Tour ค่ะ
Waterloo Train Station
เริ่มจากตอนเช้าประมาณ 9 โมงกว่าๆ เราออกเดินทางโดยรถไฟใต้ดินจาก Earl’s court มาลงที่ Waterloo ค่ะ จากสถานีรถไฟใต้ดิน เราก็เดินขึ้นมาที่สถานีรถไฟ Waterloo (Waterloo Train Station) ที่เป็นต้นแบบของหัวลำโพงบ้านเราค่ะ ด้านในมีการรีโนเวทมีร้านค้ามากมายให้เราเลือกซื้อเลือกใช้บริการค่ะ
จุดประสงค์หลักของการมาที่ Waterloo ก็เพื่อที่จะหาของเช้าทานกันค่ะ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเที่ยว Inner City of London ที่ดีด้วยค่ะ คือไม่ต้องเดินย้อนไปมาเราจะเดินหน้าอย่างเดียวค่ะ อาหารเช้าของเรา คือ Burger และกาแฟของร้าน Benugo อยู่ชั้นสองของสถานีรถไฟค่ะ ใครผ่านมาทางนี้ มาแวะทานกันได้ค่ะ ที่นั่งของร้านนี้ เราจะมองเห็นวอเตอร์ลูทั้งสถานีค่ะ เป็นจุดชมวิวที่ดีทีเดียว ราคาอาหารก็ไม่แพงค่ะ เฉลี่ยคนละไม่ถึง 5 ปอนด์ค่ะ
สมัย Knot เรียนที่บาธเวลามาลอนดอนถ้าต้องการประหยัดจะนั่งรถไฟมาลงที่ Waterloo ค่ะ จะใช้เวลานานกว่านั่งสายที่ไปลงที่สถานี Paddington ค่ะ ช้ากว่าครึ่งชั่วโมง แต่ประหยัดไปได้เที่ยวละ 10 ปอนด์เลยค่ะ แถมสาย Waterloo จะนั่งไปผ่าน Salisbury ระหว่างทางจาก Bath ไป Salisbury จะเห็นวิวข้างทางเป็น White Horse, Crop Circle, และ Averbury หรือบริเวณโดยรอบของ Stonehenge ค่ะ หากใครจะนั่งรถไฟเที่ยวจากลอนดอนไปแวะชม Stonehenge ก่อนที่จะไปเที่ยว Bath ต่อ Knot แนะนำให้นั่งรถไฟสายนี้ค่ะ ประหยัดและสองข้างทางก็จะสวยเป็นธรรมชาติกว่าค่ะ
เมื่ออิ่มท้องเราก็เดินออกจากสถานีรถไฟข้ามถนน เดินมุ่งหน้าไปหา London eye ค่ะ ถ้าหาไม่เจอ มองขึ้นฟ้าไปทางขวานิดๆ ค่ะ แล้วเดินตามฝูงชนไปไม่มีทางพลาดค่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นของ Sightseeing tour หลายๆ สายค่ะ ทั้งทางน้ำและทางบก วันนี้เราจะเดินเที่ยวลอนดอนเลาะตามถนนแวะเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ตามแผนที่ด้านล่างค่ะ (แผนที่เป็นแผนที่ของเรือนะคะ) ใครสนใจล่องเรือแม่น้ำเทมส์ ก็เริ่มต้นจากจุดนี้ได้เช่นกันค่ะ
Coca-Cola London Eye
อดีต London Eye จะ Sponsor โดย British Airways ปัจจุบัน Sponsor โดย Coca Cola ค่ะ ถ้าไม่ได้ซื้อบัตรมาล่วงหน้ามาเพราะยังไม่แน่ใจเรื่องวันเวลา สามารถก็มาต่อคิวซื้อบัตรขึ้นกันหน้างานได้เลยค่ะ แต่แนะนำให้มาถึงแต่เช้า ก่อนลอนดอนอายจะเปิดประมาณ 20 นาที ก็จะไม่มีคิวค่ะ แต่หลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง คิวจะยาวมากโดยเฉพาะวันที่ท้องฟ้าสดใสสวยงาม ด้านหน้าของ London Eye มีร้านขายไก่ทอด ไส้กรอกทอด และเฟรนช์ฟายด์ ที่ Knot เคยแวะกินเมื่อครั้งที่แล้ว ไก่ทอดเค้าอร่อยดีค่ะ ราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับร้านอาหารบริเวณนี้
จากลอนดอนอายเราก็เดินข้ามสะพานไปที่ Big Ben, Parliament และ Palace of Westminster กันค่ะ ก่อนข้ามสะพาน ก็ขอถ่ายรูปชัดๆ กันก่อนค่ะ เพราะขนาดใหญ่มาก หากอยู่ใกล้ๆ จะเก็บไม่หมดค่ะ พอเดินขึ้นสะพานไปก็จะได้มุมมหาชนที่ถ่ายรูป London Eye ได้สวยงามตาม Postcard ค่ะ
เสียดายที่หอนาฬิกาและอาคารรัฐสภาอยู่ระหว่างการบูรณะนะคะ ภาพที่ได้ก็จะมีนั่งร้านเต็มไปหมด แต่เชื่อไหมคะว่า ไม่มีฝุ่นหรือซากจากการก่อสร้างให้เราเห็นเลยค่ะ
Westminster Bridge – The Bridge of Culture
หากเราสังเกตดีๆ เราจะเห็นแม่กุญแจคล้องอยู่ตามสะพานเต็มไปหมดเลยค่ะ มีแม้กระทั่งสายล็อกรถจักรยาน การไหลของวัฒนธรรมและความเชื่อ ผสมกับความบิดเบือนจากการตีความตามความเชื่อของแต่ละบุคคลค่ะ หลายคนคงทราบกันดีว่า การคล้องแม่กุญแจแล้วโยนลูกกุญแจทิ้ง เพื่อให้ความรักมั่นคงคู่กันตลอดไป แรกเริ่มเป็นความเชื่อของคนเกาหลี เมื่อเราไป Soul Tower เราต้องคล้องกุญแจคู่รัก ความเชื่อนี้ไหลมาพร้อมกับการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกสบายมากขึ้น จนมีการคล้องกุญแจที่ Westminster Bridge ในลักษณะความเชื่อที่คล้ายคลึงกันค่ะ แต่แม่กุญแจที่คล้องก็มีขนาดตามที่หาได้ในพื้นที่ มีการเขียนชื่อคู่รักด้วยนะคะ
เมื่อข้ามสะพาน Westminster Bridge แล้ว Big Ben, Parliament, และ Westminster Abbey จะอยู่ทางซ้ายมือ หากมีเวลาสามารถเข้าชมด้านในของ Westminster Abbey ได้ค่ะ แต่เราไม่มีเวลาวันนี้เพราะเราจะไปให้ทันดู Changing Guard ที่ Horse Guard House และ Buckingham Palace ค่ะ
จาก Big Ben เราเลี้ยวขวาที่แยกแรกเข้าสู่ Downing Street ค่ะ สัญลักษณ์ของอังกฤษที่หลายคนต้องมาถ่ายรูปกันคือตู้โทรศัพท์สีแดง ถนนเส้นนี้มีตั้งไว้หลายตู้เลยค่ะ เพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปได้สะดวก ทุกเครื่องใช้งานได้นะคะ มาแล้วก็ต้องโพสต์กันหน่อย เดินตรงไปเรื่อยๆ เราจะผ่าน No.10 Downing Street บ้านพักนายกรัฐมนตรีของอังกฤษค่ะ ตอนเราเดินผ่านมีนักข่าวเยอะมากกำลังรอสัมภาษณ์ Teresa May กันค่ะ แล้วก็ตรงกลางถนนมีอนุสาวรีย์ทหารอยู่ ก็มีนายทหารให้สัมภาษณ์อยู่เช่นกันค่ะ
Horse Guards Parade
เดินจาก Big Ben มาประมาณ 10 นาที ก็ถึง Horse Guards Parade หรือทหารม้ารักษาพระองค์ ก็จะมีทหารขี่ม้าให้เราเข้าไปถ่ายรูปคู่ได้ค่ะ เดินเข้าไปก็จะมีทหารยืนประจำการอยู่ เค้าจะไม่ยิ้มไม่พูดกับเรานะคะ ถามอะไรไปก็จะไม่ตอบเพราะเค้าอยู่ในหน้าที่ แต่เราถ่ายรูปกับเค้าได้
Changing Guards
เวลาประมาณ 10.30 น ฟ้าเริ่มครึ้มๆ แล้วค่ะ ทหารม้าก็เริ่มขบวนเปลี่ยนกะ หรือ Changing Guards ค่ะ เริ่มต้นขบานทหารกะใหม่จะออกจากพระราชวังบัคกิ้งแฮม แล้วแยกไปเปลี่ยนกะที่สถานที่สำคัญต่างๆ ในลอนดอนค่ะ Knot เลือกที่จะชมการเปลี่ยกะที่ Horse Guards Parade เพราะทหารม้าจะมีท่าทางการเปลี่ยนกะที่ไม่เหมือนทหารบกที่เราไปดูที่ Windsor Castle แล้วค่ะ เนื่องจากเรามาค่อนข้างเร็ว เราก็เลยได้ยืนชมใกล้ชิดมากค่ะ เห็นก้นม้ากันเต็มๆ คุณ Juth ถ่ายคลิปวิดีโอมาให้ชมกันด้วยค่ะ
พอเปลี่ยนการรับส่งกะที่ Horse Guards Parade เสร็จสิ้น เราก็เดินตามม้าไปค่ะ เค้าจะปิดถนนทั้งหมดเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้สะดวกค่ะ ขบวนทหารม้าจะกลับเข้าพระราชวัง บัคกิ้งแฮมค่ะ เดินตามไปผ่านสวนสาธารณะ St. James’s Park ซึ่งมีเก้าอี้ชายหาดวางเรียงเป็นจุดๆ ให้เช่านั่งเล่นได้ค่ะ ตรงกลางจะเป็นทะเลสาบค่ะ ขบวนทหารม้าจะเดินอ้อมสวนสาธารณะนี้ตามถนน The Mall เข้าพระราชวังค่ะ ระหว่างนี้ เราก็จะได้เห็นขบวนทหารจากที่อื่นๆ กลับเข้าพระราชวังเช่นกันค่ะ
Buckingham Palace and its surroundings
ด้านหน้าของพระราชวัง Buckingham จะมี Victoria Memorial เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติให้กับสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย (Queen Victoria) ออกแบบโดย Sir Aston Webb คนเดียวกับที่ออกแบบพระราชวังบัคกิ้งแฮม
ตามทางเดินเราจะเห็นมี Memorial Walk ของบุคคลสำคัญ เช่น Princess Diana มี Golden Jubilee Walk ของ Queen Elizabeth II ด้วยค่ะ
The Royal Mews
เราเดินจากพระราชวังไปด้านข้างเพื่อจะไปสถานีรถไฟใต้ดิน ก็จะผ่าน The Royal Mews ซึ่งจะเป็นจุดที่หากต้องการเข้าชมพระราชวังต้องมาตรวจกระเป๋า และเข้าชมทางนี้ค่ะ เราก็เข้าไปดูของที่ระลึกกันค่ะ สินค้าที่ระลึกจะเหมือนกับที่พระราชวัง Windsor ค่ะ ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มเติมมากนัก แต่โปสการ์ดและสแตมป์เพื่อส่งมาให้คนที่อยู่ประเทศไทยค่ะ
เดินๆ ไป เที่ยงกว่าแล้ว ท้องเริ่มหิวค่ะ แวะ M&S หาของกินกันค่ะ ก่อนขึ้นรถไฟไป Canary Wharf เอแคร์ของ M&S ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยค่ะ มีน้ำมะพร้าวขายด้วยค่ะ แต่ไม่อร่อยเท่าบ้านเรา แต่เป็น Products of Thailand นะคะ
The Canary Wharf
Canary Wharf เป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ มีอาคารสูงมากมาย เป็นศูนย์กลางทางการเงินของลอนดอนเลยค่ะ มีบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินมากมายตั้งอยู่ที่นี่ รวมถึง Scale360 หรือ LQID360 ในปัจจุบัน บริษัทที่คุณ Juth เคยทำงานในตำแหน่ง Head of UX/UI design team จนถึงกลางปี 2017 ค่ะ เรามาที่นี่เพื่อมาดูสำนักงานใหญ่ของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ที่ No.1 Canary Wharf
London Bridge vs Tower Bridge
จาก Canary Wharf เรานั่งรถไฟใต้ดินกลับมาลงที่สถานี London Bridge จริงๆ เดินเลียบแม่น้ำมาได้นะคะ แต่เราก็ไม่ไหวแล้วเหนื่อย มาถึงก็เดินมาเลาะแม่น้ำ Thames กันอีกรอบค่ะ อากาศอังกฤษเปลี่ยนได้ตลอดเวลาจริงๆ ค่ะ เมื่อเช้าฟ้ายังสดใส ตกบ่ายอึมครึมมากมาย แต่ฝนยังไม่ตก แต่เราอาจจะเปียกเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ
ขึ้นจากสถานี London Bridge ซึ่งอยู่ระหว่าง London Bridge และ Tower Bridge ค่ะ เราก็เดินมุ่งหน้ามาหาแม่น้ำเทมส์ค่ะ เพื่อเลี้ยวขาวเดินขึ้นไปหา Tower Bridge ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไป London Bridge ค่ะ ริมแม่น้ำจะมีเรือ HMS Belfast จอดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมภายในเรือได้ค่ะ ใกล้ๆ มีคาเฟ่อาหารคลีนขายอยู่ เราก็แวะเติมพลังกันอีกนิดค่ะ Hot Chocolate ของเค้าอร่อยเข้มข้นดีค่ะ
เมื่ออิ่มหนำสำราญเราก็เดินต่อค่ะ เดินเลียบริมแม่น้ำ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ค่ะ ฟ้าเริ่มมืด เมฆเริ่มครึ้ม ฝนน่าจะตกเร็วๆ นี้ แต่เราก็ไม่กลัวค่ะ ปกติฝนที่อังกฤษจะตกปอยๆ ไม่หนักมาก และตกไม่นานค่ะ แป๊บเดียวก็หยุด เที่ยวต่อได้ค่ะ
ก่อนข้ามสะพาน Tower Bridge มีรถขาย Hot Dog อยู่ค่ะ กลิ่นหอมน่าทานมาก คุณ Juth อดไม่ไหว ต้องจัดจนได้ค่ะ Tower Bridge สร้างระหว่างปี 1886-1894 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ที่สร้างเพื่อข้ามไปยัง Tower of London ซึ่งเป็นปราสาทที่มีป้อมปราการเป็นของตนเองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (Oldest fortified castle in Europe ) นอกจากนี้ ยังเคยเป็นคุก ปัจจุบันเป็นสถานที่เก็บรักษาและแสดงมงกุฎของพระราชินี และเพชรประจำราชวงศ์ที่มีขนาดใหญ่โตมากมาย นอกจากนี้ หากชอบผจญภัย ก็สามารถขึ้นไปเดินตรงสะพานด้านบนของสะพาน Tower Bridge ได้เช่นกันค่ะ จากด้านบนจะเห็นวิวของบ้านเมืองริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ได้ชัดเจนสวยงามมาก เห็นได้จนถึง London Eye และ Big Ben เลยค่ะ
เดินข้ามสะพานมาฝนเทลงมาอย่างแรงเลยค่ะ เราสองคนเลยไปหลบฝนที่ร้านขายของที่ระลึกหน้า Tower of London ค่ะ คนแน่นมากเพราะแถวนี้ไม่มีที่หลบเลยค่ะ ถือโอกาสเลือกของที่ระลึกไปด้วยในตัว ประมาณครึ่งชั่วโมงฝนก็หยุดค่ะ เราก็ออกมาเดินเที่ยวต่อ ถ่ายรูปรอบๆ Tower of London หากมีเวลาประมาณครึ่งวันสามารถเข้าไปชมด้านในได้นะคะ Tower of London ประกอบไปด้วยหอคอยหลายอัน และหากเข้าไปด้านใน ไม่ควรพลาดชมไฮไลต์เหล่านี้ค่ะ
The White Tower – ซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของ Tower of London สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย Roman เข้ามาปกครองดินแดนแถบนี้ค่ะ ด้านในมี Chapel Royal of St. John. นอกจากนี้ หากใครเป็นแฟนคลับของ Shakespeare ฉากที่เจ้าชายสองคนถูกขังอยู่ในหอคอยในนวนิยายเรื่อง Richard III ก็มาจากที่นี่ค่ะ
The Crown Jewels – เรามาสามารถขึ้นหอคอย ต่อคิวเข้าไปชมมงกุฎที่ยังใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ได้
The Fusilier Museum – พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนที่พักของทหาร จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในอดีต เนื่องจากครั้งหนึ่ง Tower of London เคยถูกใช้เป็นที่ตั้งของกองกำลังทหารในปี ค.ศ. 1685
The Tower Green – สถานที่ซึ่ง Anne Boleyn, Lady Jane Grey และนักโทษชั้นสูงอื่นๆ ถูกประหารชีวิตในหอคอยแห่งนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนเห็น
The Medieval Palace – พระราชวังที่สร้างและตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมในยุคกลาง ชมวิถีชีวิตของพระเจ้าเฮนรี่ที่สามและพระราชวงศ์ โดยเฉพาะเตาผิงขนาดใหญ่รวมถึงห้องนอนของพระราชวงศ์ในยุคนั้นด้วย
The Coins and Kings – เหรียญของสหราชอาณาจักรถูกหลอมขึ้นที่ Tower of London แห่งนี้เป็นเวลากว่า 500 ปี เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเหรียญโบราณและกระบวนการหลอมและผลิตเหรียญได้ที่นี่
The Line of Kings – นิทรรศการอาวุธอัศวินของจริง บางส่วนจัดแสดงอยู่บนม้าขนาดเท่าของจริง อาวุธเรานี้เก่าแก่บางชิ้นมาจากยุค Tudor เลยทีเดียว นิทรรศการนี้จัดแสดงสู่สาธารณะในปี 1688
นอกจากภายในของ Tower of London แล้ว หากเรามายืนตรงทางขึ้นลงสถานี Tower Hill จะสามารถมองเห็น Tower of London ได้ทั้งหมดค่ะ แล้วตรงบริเวณนั้นจะมีนาฬิกาแดด หรือ Sundial ขนาดใหญ่อยู่ หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า เป็น Timeline ตั้งแต่ยุคสร้างกรุง London จนมาผ่านยุคกลาง ยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 จนถึงยุค Millennium เลยค่ะ มีเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในกรุงลอนดอน บอกเล่าให้เราได้เรียนรู้มากมายค่ะ
Fish Works – A Fish and Chips Restaurant
มาอังกฤษที่พลาดไม่ได้ คือ Fish and Chips หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน จาก Tower of London เราก็ไปช้อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ ไปเดินแถว Piccadilly Circus และ Regent Street จนค่ำ ฝนเริ่มตก เราก็หลบฝนด้วยการเข้าร้านอาหารซะเลยค่ะ ปกติหาก Knot จะกิน Fish and Chips Knot มักจะกินร้านข้างทางแบบ Take away เพราะจะราคาถูกกว่าในร้านอาหารมาก แต่ร้านนี้ Fish and Chips เค้าอร่อยมากค่ะ ปลาสดมาก มันฝรั่งทอดหนึบๆ ไม่เละค่ะ แนะนำเลยค่ะ สำหรับคนที่ชอบทานร้านอาหาร ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยข้าง Lloyds Bank ค่ะ เดินเข้าซอยมานิดเดียวค่ะ
หากสังเกตจะเห็นว่า Chips ของอังกฤษจะมีขนาดใหญ่และหนากว่า French Fries หรือ Fries ของทางยุโรปหรืออเมริกา เนื่องจากชิ้นใหญ่ ด้านในจะหนึบๆ ไม่กรอบเหมือนที่เรากินกันใน KFC หรือ McDonald’s ค่ะ สมัย Knot เรียนที่บาธ ถ้าอยากกิน French Fries ต้องไป McDonald’s หรือ Burger Kings แต่ตอนนี้ ร้านอาหารหลายๆ ร้านจะมีเมนู Chips กับ Fries แยกกันเลยค่ะ เราสามารถเลือกได้ว่าชอบแบบไหน ร้านนี้ก็เช่นกันค่ะ แต่ Knot จะชอบ Chips และ Wedges (มันฝรั่งชิ้นใหญ่มีเปลือกชุบแป้งทอด) ค่ะ
Knot ขอจบโพสต์ A Day in London ไว้ตรงนี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านและหวังว่าทุกท่านจะชอบนะคะ หากสนใจไปเที่ยวลอนดอน หรือเมืองอื่นๆ ในอังกฤษ Knot ยินดีให้คำปรึกษานะคะ ตั้งแต่ขอวีซ่า ซื้อตั๋วเครื่องบิน สะสมไมล์ ฯลฯ ค่ะ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม FB, IG, YouTube: Trips in My Memory หรือฝากความคิดเห็นถึงกันได้นะคะ จะได้ไม่พลาดโพสต์ต่อไปของ Knot ค่ะ