เซนได หรือ Sendai คนไทยหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อนี้จากเหตุการณ์สึนามิถล่มญี่ปุ่นในปี 2011 เซนไดเป็นเมืองใหญ่ของเขตโทโฮคุ (Tohoku) ตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์สึนามิครั้งนั้นที่ศูนย์กลางอยู่ในภูมิภาคนี้ และเมืองเซนไดก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน Knot เคยไปเซนไดมาครั้งนึงก่อนเกิดเหตุครั้งนั้นประมาณ 2-3 ปี หลังจากเกิดเหตุครั้งนั้น สนามบินนานาชาติเซนไดได้ปิดตัวลง ทำให้การเดินทางไปเซนไดจึงเหลือเพียงทางบกเท่านั้น แต่เร็วๆ นี้ การบินไทยจะได้เปิดบริการเส้นทางการบินใหม่ บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปเซนได กันได้เลย การบินไทยออกโปรโมชันจำหน่ายตั๋วเครื่องบินเส้นทางนี้มาสักพักแล้ว แต่ด้วยช่วงเวลาของการเดินทางทำให้ Knot และคุณ Juth ต้องออกเดินทางก่อนที่เส้นทางการบินนี้จะเปิดให้บริการ Knot เลือกที่จะบินลงโตเกียวนาริตะ แล้วนั่งรถไฟชินคันเซ็นมาลงที่เซนไดกันเลยค่ะ ขากลับก็จะแวะเที่ยวโตเกียวกันนิดหน่อยค่ะ

King Power Lounge

Travel from Bangkok to Narita – King Power Lounge

ทริปนี้เราเลือกบินไฟล์ทกลางคืนวันที่ 24 กรกฎาคม กำหนดการถึงสนามบินนาริตะประมาณ 8 โมงเช้าของวันที่ 25 ค่ะ เราถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยใช้บริการ Grab ค่ะ เนื่องจาก Knot ลืมจองรถรับส่งของ Citibank และก็เลยไม่ได้ใช้บริการ Meet and Assist ของเค้าด้วยค่ะ ปกติหากเดินทางโดยการบินไทย Knot จะใช้บริการของ Citibank เกือบทุกครั้งเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ แต่ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันทำการค่ะ เมื่อมาถึงสนามบิน เราสองคนก็ไปเช็คอิน โหลดกระเป๋า แลกเงินโดยใช้บัตรเครดิต JCB Platinum ของ SCB ค่ะ เพราะมีโปรโมชัน ผ่อน 0% 3 เดือน และได้เงินคืน 10% โดยใช้คะแนนเท่ายอดที่แลกเงินค่ะ ก่อนออกเดินทางไปประเทศต่างๆ Knot ขอแนะนำให้ทุกคนตรวจสอบโปรโมชันบัตรเครดิตแต่ละใบที่ถืออยู่ค่ะ โดยการโทรถามที่คอลเซ็นเตอร์ตามเบอร์หลังบัตรเครดิตของเราค่ะ แต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันไม่เหมือนค่ะ และบัตรเครดิตแต่ละใบก็มีสิทธิพิเศษไม่เหมือนกันด้วยค่ะ ทริปนี้ขาไปจองสิทธิ์ของ Citibank ไม่ทัน Knot เลยจองสิทธิ์รถรับส่งจากโรงแรมถึงสนามบินนาริตะสำหรับขากลับแทนค่ะ

จากนั้น เราก็เดินเข้าไปผ่านการตรวจคนเข้าเมืองอิเล็คทรอนิกส์ตามปกติ ทริปนี้เราเดินทางชั้นประหยัด ก็เลยไปลองใช้บริการของ King Power Lounge ดูค่ะ ถ้าเป็นสมาชิก King Power ก็จะสามารถพาผู้ติดตามเข้าไปได้อีก 1 ท่านค่ะ ใน Lounge ตรง Gate G ที่นั่งไม่เยอะมาก แต่มีผู้ใช้บริการค่อนข้างเยอะค่ะ เราสองคนจึงเลือกนั่งที่ High Chairs มีปลั๊กให้ชาร์จแบตโทรศัพท์ด้วยค่ะ แต่ช่องเสียบ USB หลวมไปหน่อยค่ะ Lounge มีบริการเครื่องดื่ม Soft Drinks ชา กาแฟ ข้าวต้ม ของหวาน และถั่วทอดค่ะ ถ้าเทียบกับ Lounge ของสายการบิน หรือ Miracle Lounge อาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการมีน้อยกว่าและคับแคบกว่าค่ะ แต่เนื่องจากเป็นบริการฟรีสำหรับสมาชิก King Power ทุกระดับ ก็ต้องถือว่าดีกว่านั่งรอที่ Gate ไม่มีที่ชาร์จไฟ ไม่มีเครื่องดื่มให้ดื่มค่ะ

เมื่อถึงเวลาเราสองคนก็เดินไปขึ้นเครื่อง วันนี้เครื่องที่เรานั่งขาไปเป็น Airbus A380 ค่ะ เครื่องใหญ่ นั่งสบาย เสียดายที่ไม่ได้นั่ง Business Class ที่เค้าบอกว่าเป็นหนึ่งใน Business Class ที่ดีที่สุดในโลกค่ะ คงต้องหาโอกาสนั่งสักครั้งสำหรับไฟล์ทบินยาว ๆ หน่อยค่ะ อาหารที่การบินไทยเสิร์ฟสำหรับไฟล์ทญี่ปุ่น คือ อาหารร้อน 1 มื้อ และ Snack หรือ Sandwich อีกหนึ่งมื้อค่ะ ขาไปอาหารร้อนจะเป็นอาหารเช้าค่ะ เมื่อเราไปถึงช่วงนี้สนามบินนาริตะมีอยู่ระหว่างการปรับปรุงค่ะ ก็จะมีการใช้ระบบ Manual ค่อนข้างเยอะ แต่ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่นค่ะ เค้า Anticipate ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และใช้คนมาช่วยในการบอกทาง และตัดคิวไปมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากค่ะ หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ก็เดินไปรับกระเป๋าแล้วเดินออกไปด้านนอกเพื่อไปแลกตั๋ว JR East Pass และจองที่นั่งรถไฟชินคันเซนต่อไป Sendai กันค่ะ

Travel from Narita to Sendai

Knot on the Narita Express train

เมื่อได้ JR East Pass และจองตั๋วรถไฟที่เราจะใช้ในการเดินทางจนถึงเซนได ดังนี้ (1) Narita Express จากสนามบินนาริตะไป Tokyo Station (2) รถไฟสาย Hayabusa จาก Tokyo Station ไป Sendai Station ค่ะ เราจะถึง Sendai บ่ายสองค่ะ รถไฟสาย Hayabusa เป็นรถไฟที่เร็วที่สุดจาก Tokyo ไป Sendai ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 90 นาทีเท่านั้น ถือเป็นโชคดีของเราค่ะ เพราะถ้าไม่ทันขบวนนี้จะมีอีกสองขบวนที่จะใช้เวลานานกว่านี้ค่ะ ตอนจองที่นั่ง เราไม่ได้บอกเจ้าหน้าที่ว่าต้องการขบวนไหนค่ะ แต่เค้าก็เลือกขบวนได้ถูกใจเรามากค่ะ ภายในตู้ของ Narita Express สะอาดสะอ้านมีที่เก็บกระเป๋าเดินทางที่เราสามารถล็อคได้ เรียกว่าออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะค่ะ จากนาริตะถึงสถานีโตเกียว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ

ตั๋วรถไฟ

เมื่อได้รับตั๋วสีเขียวมาแล้วอย่างลืม ดูวันเวลาของรถไฟว่าถูกต้องหรือไม่ และเรานั่งตรงไหนนะคะ Car หรือ ตู้ที่เท่าไร Seat หรือเลขที่นั่งเท่าไร ด้วยค่ะ เพราะตอนไปรอขึ้นรถไฟ เราต้องไปยืนให้ถูกคิวค่ะ ซึ่งที่พื้นจะมีเขียนบอกไว้ว่าคิวนี้สำหรับขึ้นตู้ไหนค่ะ ถ้าไม่แน่ใจถามเจ้าหน้าที่ที่ออกตั๋วให้ก็ได้ค่ะ และอีกอย่างหนึ่งเมื่อเราใช้ JR East Pass เราต้องเดินเข้าตรงทางเข้าที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วค่ะ พร้อมแสดง JR East Pass ให้เจ้าหน้าที่ดูทุกครั้งค่ะ บนรถไฟเมื่อมีนายตรวจมาตรวจ เราต้องแสดงทั้ง JR East Pass และตั๋วรถไฟที่ระบุที่นั่งของเราด้วย ในกรณีที่เราจองที่นั่งค่ะ ถ้าเราไม่จองที่นั่ง เราต้องไปขึ้นที่ non-reserved car ค่ะ คือตู้สำหรับคนที่ไม่จองที่นั่งค่ะ

เมื่อมาถึงที่สถานีโตเกียว Knot ก็เดินดูป้ายเพื่อดูว่าเราต้องไปขึ้นที่ Platform ไหรค่ะ แนะนำว่าหากเวลากระชั้นชิด ให้ดูเวลารถเที่ยวต่อไปไว้ด้วยนะคะ เพราะผู้ถือ JR East Pass สามารถขึ้นรถไฟได้ไม่จำกัดเที่ยวค่ะ ป้ายจะหมุนไปเรื่อย ๆ ค่ะ เราก็มองจนเจอเที่ยวที่เราต้องการค่ะ

เตรียมเสบียงก่อนเดินทางสู่ Sendai

Looking for the right platform

เมื่อรู้ Platform หรือชานชาลาที่ต้องไปขึ้นแล้ว ก่อนขึ้นรถไฟเราก็หาซื้ออาหารกลางวัน / เบนโตะ น้ำ และขนมไว้ไปทานบนรถค่ะ เราสามารถทานอาหารบนรถไฟชินคันเซ็นได้ค่ะ แต่บางตู้จะไม่ให้ใช้โทรศัพท์ค่ะ บางตู้งดส่งเสียง บางตู้เป็นตู้สำหรับครอบครัวก็จะเฮฮากันได้ค่ะ ถ้าเราอยากได้ตู้ไหนเป็นพิเศษตอนจองที่นั่งต้องบอกเจ้าหน้าที่ค่ะ เค้าจะจองที่นั่งแบบที่เราต้องการให้ค่ะ

ร้านขายเบนโตะใน Shinkansen Platform

ชานชาลาสำหรับรถชินคันเซ็นจะแยกออกจากชานชาลาของรถไฟทั่วไปค่ะ มองหาป้ายที่เขียนว่า Shinkansen แล้วเดินไปตามนั้นได้เลยค่ะ บนรถไฟชินคันเซ็นจะมีตู้สเบียงขายอาหารและเครื่องดื่มในราคาปกติ แต่ไม่หลากหลายเท่าซื้อจากร้านที่สถานีค่ะ

เบนโตะมากมายจากหลายร้าน

เบนโตะส่วนมากจะเป็นอาหารชื่อดังของท้องถิ่นนั้นๆ ค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเราไปซื้อที่สถานีในหัวเมืองต่างๆ ค่ะ แต่ในโตเกียว เบนโตะมีทั้งแบบร้อนและเย็นค่ะ Knot เลือกซื้อข้าวปั้นห่อใบพลับที่ไม่ได้ทานมานานค่ะ ตรงทางเข้าชานชาลาของชินคันเซ็นมีร้านขายของฝากหลายร้านเลยค่ะ ทั้ง Tokyo Banana และขนมอื่น ๆ อีกมากมาย เราสองคนเดินชิมแล้วเลือกซื้อขนมมาสองสามกล่องเล็กค่ะ เอาไว้กินบนรถไฟเผื่อหิวค่ะ Knot และคุณ Juth ชอบ Press Butter Sand มากค่ะ เป็น Bitcuit ไส้ครีมชีสและซอลท์คาราเมลค่ะ หอมคาราเมลแต่ไม่หลานมาก เหมาะที่จะเป็นของฝากจากญี่ปุ่นทีเดียวค่ะ ก่อนกลับเราจะมาซื้อไปฝากคนที่บ้านและที่ทำงานกันค่ะ

Press Butter Sand

เมื่อเตรียมเสบียงพร้อมแล้วเราก็เดินไปรอรถไฟค่ะ เนื่องจากสถานีโตเกียวเป็นสถานีต้นทางของขบวนนี้ รถก็เลยจอดรออยู่พอดีค่ะ พนักงานกำลังทำความสะอาดอยู่ค่ะ Knot สังเกตเห็นว่าพนักงานแต่ละคนจะมีหน้าที่ของตัวเอง เช่น คนที่ทำหน้าที่เช็ดถาดอาหารก็จะเช็ดอย่างเดียว อีกคนเก็บขยะก็จะทำหน้าที่เก็บขยะอย่างเดียว พอเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีเจ้าหน้าที่อีกท่านมาตรวจความเรียบร้อย เบาะที่นั่งก็ปรับหน้าหลังด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ค่ะ เมื่อหัวเปลี่ยนทิศ เบาะก็สามารถสั่งให้หันหน้าไปตามทิศที่ขบวนวิ่งตรงไปได้ค่ะ จะไม่มีการนั่งหันหลังเว้นแต่กรณีที่เป็นโต๊ะแบบครอบครัว คือสี่ที่นั่งหันหน้าเข้าหากันค่ะ


Hayabusa Train

อาหารกลางวันบนรถไฟสาย Hayabusa

เวลารถไฟของเราออกจากชานชาลาเที่ยงกว่าๆ เกือบบ่ายโมงค่ะ เราก็เลยมีเวลาซื้ออาหารและขนมตามที่เล่ามา พอขึ้นรถได้ เราก็หิวแล้ว เลยเวลาอาหารกลางวันมาสักพักแล้วค่ะ คุณ Juth ก็เปิดเบนโตะข้าวหน้าเนื้อออกมาทานค่ะ ของ Knot เป็นข้าวปั้นห่อใบพลับค่ะ มีปลาสองชนิดที่ไม่ดิบแต่เป็นการถนอมอาหารคล้ายๆ การดองของเราค่ะ เวลาซื้อเบนโตะเราได้จะตะเกียบและอุปกรณ์การรับประทานอาหารที่จำเป็น กระดาษเปียกสำหรับเช็ดมือมาพร้อมเลยค่ะ แถมในเบนโตะก็มาพร้อมเครื่องเคียง เรียกว่าสารอาหารครบ 5 หมู่กันเลยทีเดียวค่ะ

เบนโตะข้าวหน้าเนื้อ
ข้าวปั้นห่อใบพลับ

อิ่มจากของคาว เราก็ต้องตามด้วยของหวานค่ะ เปิดกล่อง Press Butter Sand กินกันเลยค่ะ เราซื้อมาแบบกล่องละ 5 ชิ้นค่ะ เพราะอยากลองเฉยๆ แต่ปรากฎว่าอร่อยมาก แต่ก็กินกันคนละชิ้น ที่เหลือเก็บไว้กินวันต่อๆ ไปค่ะ

Press Butter Sand

Arrived at Sendai Station

รถไฟญี่ปุ่นเป็นรถไฟที่ตรงเวลามากๆ ค่ะ กำหนดบอกว่าถึงกี่โมงก็ตามนั้นเป๊ะค่ะ ถ้าเราฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก เราก็มองนาฬิกาได้ค่ะ ว่าถึงสถานีที่เราต้องลงหรือยังค่ะ แต่เนื่องจาก Shinkansen เป็นรถไฟที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการค่อนข้างเยอะ ก็จะมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษบ้างนาน ๆ ครั้งค่ะ ถ้าเป็นรถไฟสายท้องถิ่นที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวก็ต้องระวังและอ่านป้ายกันดีๆ ค่ะ เมื่อถึงสถานีเซนได เราสองคนก็เดินไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนค่ะ กรกฎาคมเป็นช่วงน่าร้อนของประเทศญี่ปุ่นนะคะ อากาศก็ร้อนมาก ฟ้าใส Knot ดูพยากรณ์อากาศมาบ้างแล้วค่ะว่าบางวันเราอาจจะเจอฝนค่ะ แต่ก็น่าจะดีนะคะ จะได้ไม่ร้อนมาก

สถานีเซนได

Sendai Washington Hotel

โรงแรมที่ Knot จองมาชื่อ Sendai Washington Hotel ค่ะ อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก เดินประมาณ 5-10 นาทีค่ะ เราเดินออกจากสถานีรถไฟจะเป็นชั้นสองนะคะ มีทางเดินลอยฟ้าเดินเข้าห้าง Parco แล้วไปลงบันไดเลื่อนในนั้นค่ะ เพราะเราไม่สามารถหิ้วกระเป๋าเดินทางลงบันไดได้ค่ะ เมื่อถึงโรงแรมเราสองคนก็เช็คอินและพักผ่อนเล็กน้อยเพราะร้อนมากค่ะ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สดชื่นก่อนออกไปเดินเล่นในเมืองกันค่ะ

ป้ายหน้าโรงแรม

โรงแรมมี Family mart อยู่ด้านหน้าและสามารถเดินทะลุจากล็อบบี้โรงแรมได้ด้วยค่ะ พนักงานที่นี่น่ารักค่ะ เช็คอินบอกทางต่างๆ ให้ข้อมูลดีมากค่ะ

เช็คอิน
ภายในห้องพัก

ห้องพักไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่เล็กเหมือนโรงแรมในเมืองของญี่ปุ่นทั่วไปค่ะ ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยกจากกันเป็นสองส่วนค่ะ พื้นที่ห้องน้ำใหญ่พอ ๆ กับห้องนอนเลยค่ะ ข้อดีของการเที่ยวญี่ปุ่นอีกอย่างก็คือเครื่องใช้ในห้องน้ำ พวกยาสระผม สบู่ต่าง ๆ ทางโณงแรมมักเตรียมของที่มีคุณภาพไว้ให้เราใช้ค่ะ ที่นี่เป็นของ Shiseido ค่ะ ปกติ Knot จะเตรียมขนาดเดินทางของ Kiehl’s มาไว้ใช้ค่ะ ครั้งนี้ก็เตรียมมาค่ะ แต่ไม่ได้ใช้ ใช้แต่เจลล้างหน้าของเราเองเพราะกลัวแพ้ค่ะ

หาข้อมูลการเดินทางก่อนตะลุย Tohoku

Tourist Information Center

พอมองว่าแดดข้างนอกเริ่มหุบเล็กน้อย เราสองคนก็เดินออกไปที่สถานีรถไฟอีกครั้งเพื่อจองตั๋วรถไฟและสอบถามข้อมูลการเดินทางสำหรับไป Nikko, Tajima Island (เกาะแมว), และ Matsushima ในวันต่อๆ ไปค่ะ ทริปนี้เราพักที่เซนได 4 คืน และไปนอนที่โตเกียวก่อนกลับบ้านอีก 1 คืนค่ะ Tourist Information Center มีอยู่ทุกสถานีรถไฟ มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการในหลายภาษาค่ะ มาครั้งนี้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเราเป็นคนจีน เห็นหน้าปุ๊บหนีห่าวก็มาเลยค่ะ แต่อาหมวย Knot ไม่มีทักษะภาษาจีนแม้แต่นิดเดียวค่ะ ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมบอกว่าเราเป็นคนไทยค่ะ เจ้าหน้าที่แนะนำดีมากให้แผนที่สำหรับท่องเที่ยวในเมืองต่าง ๆ ที่เราสนใจจะไป และยังให้ตารางรถไฟสำหรับการเดินทางของเราด้วยค่ะ ที่นี่เจ้าหน้าที่ผู้ให้ข้อมูลจะแยกจากเจ้าหน้าที่จองตั๋วรถไฟค่ะ พอได้ตารางเวลาแล้วเราก็เดินไปจองรถไฟตามเวลาที่เราต้องการได้เลยค่ะ แนะนำให้จองที่นั่งนะคะ เพราะรถไฟ Local / Express คนจะค่อนข้างเยอะ และถ้าเรานั่งไกลแล้วไม่มีที่นั่งเราจะเมื่อยมากๆ ค่ะ

พี่สาวที่น่ารักผู้ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวรอบๆ เซนได

ช้อป ชิม ชิล เบาๆ ในเมือง Sendai

จัดการเรื่องการเดินทางเรียบร้อย เราก็ไปเดินเล่นค่ะ ตอนนี้แดดเริ่มตกแล้ว พอจะเดินชิล ๆ สบายๆ ค่ะ หน้าสถานีรถไฟเซนได ก็คือ แหล่งช้อปปิ้งเลยค่ะ มีห้างอยู่ทั้งซ้ายและขวา ถนนช้อปปิ้งก็อยู่ไม่ไกลค่ะ เรียกว่าตรงนี้คือใจกลางเมืองแล้วค่ะ

Knot @Sendai

เราสองคนเล็งร้าน Loft ตั้งแต่ตอนมาถึงและเดินไปโรงแรมแล้วค่ะ พอจัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อย เราก็เดินเข้ามาดูของที่ร้าน Loft กันค่ะ ของจุกจิกน่ารักเยอะมากค่ะ มีตู้พิมพ์รูปเชื่อมต่อกับ Iphone และ Android ได้เลยค่ะ 100 เยนเท่านั้น สนุกสนานค่ะ ไม่ยาก อารมณ์ประมาณตู้สติกเกอร์สมัยเด็กค่ะ ของไทยก็มีนะคะ แต่เล่นยากต้องมีแบงก์ 50 บาทเท่านั้นอยู่ที่เซนทรัลเวิร์ล คุณ Juth เคยไปลองเล่นแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ต้องบอกว่า User Experience พังมากค่ะ

Loft

จาก Loft เราก็เดินไปอีกตึกข้างๆ สถานีรถไฟค่ะ เพื่อไปดู Jump Shop เผื่อใครไม่รู้จักนะคะ Jump คือสำนักพิมพ์การ์ตูนญี่ปุ่น เจ้าของลิขสิทธิ์ One Piece และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ หนึ่งในการ์ตูนในดวงใจค่ะ มาแล้วก็ต้องไปเดินดูเปิดหูเปิดตาหน่อยค่ะ ของที่ระลึกน่ารักมากมายค่ะ ข้าง ๆ ร้านนี้เป็น Pokemon shop ค่ะ คุณ Juth ได้ตุ๊กตามาเพียบเลยค่ะ

JUMP Shop
Pokemon Shop

ปิกาจู้น่านักมากค่ะ ถ้าใครจำได้ก่อนที่เราสองคนจะเดินทาง เราสองคนได้ไปงานท่องเที่ยว Tohoku ที่จัดที่สยามพารากอน มีปิกาจู้มาแสดง และมีตุ๊กตาโปแกมอนมาขายเยอะมากค่ะ แต่เราไม่ได้ซื้อเพราะดูสัดส่วนของตุ๊กตาจะไม่ค่อยสมส่วนค่ะ แต่ตุ๊กตาที่อยู่ในร้านนี้ น่ารักและสมส่วนทุกตัวเลยค่ะ ที่เห็นในภาพคุณ Juth พากลับบ้านเกือบทุกตัวค่ะ

Pokemon Shop

Dinner @ Sharaku Ekimae

สักพักเราสองคนก็เริ่มหิวค่ะ ตัดสินใจว่าลองเดินดูหาร้านอาหารกินกันค่ะ หากใครเคยไปญี่ปุ่นเราจะสังเกตได้ว่าร้านอาหารจะอยู่ด้านบนตามตึกต่าง ๆ ด้านล่างจะมีป้านโฆษณาบอกไว้ว่าอยู่ชั้นไหนค่ะ เราสองคนเดินไปที่ตึกที่มี KFC อยู่ด้านล่าง ลองดูเมนูว่าร้านไหนมีอะไรขายค่ะ ดูรูปเอานะคะ คุณ Juth พูดและฟังญี่ปุ่นได้ แต่อ่านไม่ค่อยได้ค่ะ เลยใช้วิธีดูรูปเอาค่ะ และเราก็เลือกร้าน Sharaku Eki-mae เป็นร้านอาหารที่หนุ่มสาวออฟฟิศญี่ปุ่นมาทานอาหารกันหลังเลิกงานค่ะ ราคาไม่แพง บริการรวดเร็วใช้ได้ทีเดียวค่ะ แต่ถ้าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ต้องบอกว่าลำบากพอสมควรค่ะ แต่ในเมนูก็มีรูปให้เราสามารถจิ้มได้ค่ะ

Knot’s Recommended
Beer or Iced tea

เราสองคนสั่งอาหารสามอย่างค่ะ มีซีซาร์สลัด ไก่ทอดเกลือ และชาบูหม้อไฟค่ะ อาหารจานใหญ่มากค่ะ กินกันสองคนเกือบไม่หมด Hotpot สามารถสั่งเนื้อวัวมาใส่เพิ่มได้ค่ะ ในหม้อจะมีแต่หมูติดมันและผักต่าง ๆ ค่ะ พอดี Knot ไม่กินเนื้อวัว คุณ Juth เลยไม่ได้สั่งเนื้อวัวมาใส่ค่ะ

ซีซาร์สลัด
ไก่ทอดเกลือ
Hotpot

Hotpot ตอนมาเสิร์ฟมีแต่ผัก เต้าหู้ มีหมูติดมันนิดเดียว คุณ Juth เราต้องกินจานอื่น ๆ รอจนกว่าน้ำจะเดือดและผักสุกค่ะ พนักงานจะคอยมากดๆ ให้ผักจมน้ำจะได้สุกค่ะ แต่เค้าไม่คนนะคะ ตอนแรก Knot จะคนในหม้อ พนักงานรีบวิ่งมาห้ามเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วเอาทัพพีไปถือเองค่ะ แล้วค่อย ๆ กดผักไปอธิบายได้ค่ะ น่ารักมาก

พร้อมทาน

ใครมีโอกาสไปเซนได ถ้าชอบอาหารญี่ปุ่นท้องถิ่นแท้ๆ แนะนำให้ไปลองค่ะ ถ้าจะให้ดีโทรไปจองกันก่อนก็ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องรอคิวนานค่ะ

sharaku telephone number

ถนนคนเดินสำหรับขาช้อป Ichibancho

Sendai Shopping Street – Ichibancho

จากร้านอาหารเดินลงมาก็จะถึงถนนช้อปปิ้งเลยค่ะ อยู่ตรงข้ามตึก AER ค่ะ ตึก AER จะมี Uniqlo และ GU ให้เราเดินเลือกเสื้อผ้ากันได้ค่ะ เมื่อเราเดินตรงเข้าไปบนถนน Ichibancho เส้นนี้ สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายยา ขายเสื้อผ้า รองเท้า มากมายให้เราเลือกซื้อค่ะ สินค้าเหมือนที่โตเกียว และเมืองใหญ่อื่น ๆ ค่ะ

บรรยากาศถนนคนเดิน
ทาโกะยากิ

เมื่อเราเดินตรงเข้ามาสัก 100 เมตร ด้านขวามือจะเห็นร้านทาโกะยากิชื่อ Tacoball คนต่อคิวเยอะมาก กลิ่นหอมชวนชิมสุดๆ ถามว่าอิ่มไหม ตอบเลยว่าอิ่มค่ะ แต่อยากลองค่ะ ซื้อมาปุ๊บ เปิดกล่องลองชิม แป๊บเดียวสองคน 6 ลูกสลายลงท้องค่ะ เราสองคนเดินต่อไปจนสุดทางแล้วเดินย้อนกลับมาทางต้นถนนอีกครั้ง เมื่อยๆ หิวน้ำ ก็ลองแวะร้านกาแฟ Excelsior Caffe ดูค่า ชิมชานมเย็นและขนมมูสรสพีชด้วยค่ะ ช่วงที่เรามานี้พีชกำลังออกค่ะ ขนมหลายอย่างจึงทำจากพีชเยอะมากค่ะ

Excelsior Caffe
Milk Tea
Peach Moose

กินขนมกันเสร็จ เราสองคนก็เดินกลับไปซื้อเสื้อที่ Uniqlo เพราะคุณ Juth ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลยค่ะ วางแผนว่าจะซื้อใหม่ทั้งหมด เพราะราคาถูกและมีแบบใหม่กว่าที่บ้านเราค่ะ ก็แวะซื้อกันวันละตัวสองตัว จะได้มีเสื้อพอใส่ค่ะ วันแรกของการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงเซนไดของ Knot ก็จะชิลๆ นิดนึงค่ะ เพราะทริปนี้เราจะเที่ยวกันแบบสบาย ๆ ไปในที่ที่เราอยากไปค่ะ จะได้มีความทรงจำดีๆ สนุกสนานมาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ

โพสต์ต่อไป Knot จะพาทุกคนไปเที่ยวกันต่อที่ Tashirojima หรือ Tashiro Islands ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะแมวอันโด่งดังของญี่ปุ่นกันค่ะ Knot ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านโพสต์ยาว ๆ ของ Knot มาจนจบนะคะ ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม Facebook และ IG @TripsinMyMemory หรือ www.tripsinmymemory.com และกด Subscribe YouTube: Trips in My Memory ด้วยนะคะ จะได้ร่วมเดินทางและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ไปด้วยกันค่ะ