Tashirojima Island หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง แต่ทาสแมวอย่างคุณ Juth ไม่ยอมพลาดแน่นอน เมื่อเรามาถึงจังหวัดมิยางิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหนึ่งในเกาะแมวที่โด่งดังของญี่ปุ่นค่ะ เกาะนี้มีชื่อว่า Tashirojima หรือ Tashiro Island ค่ะ หลังจากสอบถามการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ ที่เราอยากไปกับเจ้าหน้าที่ที่ Tourist information center ที่สถานีเซนได เราก็กำหนดแผนการเดินทางกันใหม่ตามสภาพอากาศและเวลาของรถไฟกันค่ะ วันที่สองของทริปที่พยากรณ์อากาศว่าไม่มีฝน ฟ้าใส เหมาะกับการเดินทางไปเกาะแมวอย่างยิ่งค่ะ เกาะทาชิโรแห่งนี้ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมือง Ishinomaki ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนักวาดการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่น Shotaro Ishinomori ซึ่งวาดการ์ตูนดัง ๆ ไว้หลายเรื่อง เช่น Cyborg009, Kamen Rider Series เป็นต้น
การเดินทางจาก Sendai ไปยัง Tashirojima Island
เนื่องจากเราถือ JR East Pass ซึ่งสามารถใช้โดยสารรถไฟได้ทุกเส้นทางในพื้นที่ที่กำหนดค่ะ Knot ขอตารางรถไฟและตารางเรือที่เราจะใช้เดินทางไปที่เกาะแมวทั้งขาไปและขากลับไว้เรียบร้อยนะคะ การเดินทางไป Tashirojima Island หรือเกาะแมวนี้เราต้องนั่งรถไฟไปที่เมือง Ishinomaki แล้วเดินหรือนั่งรถบัสต่อไปยังท่าเรือเพื่อไปยังเกาะแมวค่ะ รวม ๆ แล้วก็ประมาณ 3 ทอดค่ะ ครั้งนี้ Knot กับคุณ Juth เลือกที่จะนั่งรถไฟ JR Senseki-Tohoku Line ซึ่งเป็นรถด่วน หรือ Rapid จากสถานี Sendai ไปลงที่สถานี Ishinomaki ค่ะ เวลาในการเดินทางประมาณ 60 นาทีค่ะ อีกสายที่ไปได้เหมือนกันคือ JR Senseki Line ที่เป็นรถท้องถิ่น หรือ Local ค่ะ จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 85 นาทีค่ะ
Knot ขอแนะนำว่าให้อ่านป้ายดี ๆ นะคะ เพราะรถไฟส่วนใหญ่ประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่เที่ยวที่ Knot นั่งนี้ เค้าประกาศเป็นภาษาอังกฤษเป็นบางสถานีค่ะ สังเกตุว่าจะเป็นสถานีที่เป็นเมืองท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะค่ะ จากสถานี Ishinomaki จากการเปิด Google Map เพื่อดูเส้นทางไปยังท่าเรือ Ajishima Line บอกว่าเดินประมาณ 15 นาที และถนนในเมือง Ishinomaki สองข้างทางจะมีการ์ตูนของ อ.ชูทาโร่ ขนาดเท่าตัวจริงไว้ให้เราเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ เราก็เลยตัดสินใจว่าจะเดินไปที่ท่าเรือค่ะ ถือว่าเดินชมเมืองไปด้วยเลย ระหว่างทางเราสองคนก็แวะกินซอฟต์ครีมบ้าง ขนมบ้างจนถึงท่าเรือค่ะ แต่เราสองคนเดินหลงทางนิดหน่อยค่ะ ระยะเวลาที่เดินรวม ๆ แล้วประมาณ 30 นาทีได้ค่ะ แนะนำว่าควรขึ้นรถบัสมากกว่าค่ะ (ถ้ามีโอกาสกลับไปอีกก็คงจะนั่งรถบัสค่ะ) จากท่าเรือเราก็ซื้อตั๋วเรือ Ferry ไป-กลับ คนละ 2,460 เยน ตารางออกเดินทางของเรือขาไป 9.00, 12.00, 15.30 น ขากลับ เวลา 7.40, 14.12 และ 15.33 น. ค่ะ เราสองคนไปถึงท่าเรือทันรอบ 12.00 น ค่ะ และเราวางแผนว่าจะกลับด้วยเรือเที่ยวสุดท้ายค่ะ
กองทัพต้องเดินด้วยท้องกับ Soba Mori
ก่อนขึ้นรถไฟไป Ishinomaki มีเวลาเหลือเล็กน้อย เราสองคนก็เลยเข้าไปกิน Soba เป็นอาหารเช้าก่อนออกเดินทางไปยังเกาะแมวค่ะ วิธีการซื้ออาหารในร้านอาหารหลาย ๆ ร้านของญี่ปุ่นจะใช้วิธีการสั่งอาหารที่ตู้ แล้วนำตั๋วใบเล็ก ๆ ไปยื่นให้พนักงานในร้านให้เค้าทำให้ตามออเดอร์ที่เราสั่งค่ะ ขั้นตอนการหยอดตู้นะคะ เราต้องเลือกเมนูที่เราต้องการสั่งก่อนแล้วค่อยใส่เงินนะคะ มื้อนี้คุณ Juth สั่ง Tempura Soba ส่วน Knot สั่ง Hiyashi Chuka ซึ่งเป็นบะหมี่เย็นที่วางโปะด้วยท๊อปปิ้งหลากสีสันที่ร้านบะหมี่ในเซนไดจะทำขายเฉพาะหน้าร้อนเท่านั้นค่ะ
เราสองคนใช้เวลาในการสั่ง รออาหาร และรับประทานกันไม่เกิน 15 นาทีค่ะ บะหมี่อร่อยมาก ราคาไม่แพงค่ะ ชามละประมาณ 500-600 เยน หรือประมาณ 250 บาทไทยค่ะ ถูก อร่อย และรวดเร็วค่ะ เมื่อรับประทานเสร็จเราสองคนก็เดินไปเข้าแถวรอขึ้นรถกันค่ะ หากสังเกตเราจะเห็นว่ารถไฟขบวนที่เรานั่งเป็นรถ Hybrid นะคะ ตลอดสองข้างทางที่เรานั่งรถไฟในพื้นที่ Tohoku นี้ โดยเฉพาะจังหวัดมิยางิ ที่แม้จะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ก็มีการติดแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ตามบ้านเรือนและฟาร์มต่าง ๆ ด้วยค่ะ
Ishinomaki – เมืองแห่งการ์ตูน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเราสองคนก็เดินทางมาถึง Ishinomaki เมืองการ์ตูนอย่างแท้จริง ดูได้จากป้ายที่สถานีรถไฟค่ะ จะมีแผนที่บอกว่าการ์ตูนตัวไหนอยู่ตรงไหนบ้าง และมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้างค่ะ Knot สังเกตได้ว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ตั้งใจมาเที่ยวเพื่อถ่ายรูปกับการ์ตูนตัวโปรดด้วยค่ะ
วันนี้ถ้าสังเกตจะเห็นกันว่า Knot ใส่กางเกงม้งลายแมวจากถนนคนเดินท่าแพ (ร้านลุงเปิดที่หน้าร้านกาแฟวาวี – ใครมีผ่านไปแวะซื้อได้นะคะ ลายผ้าสวยชัดไม่เหมือนใครค่ะ) เพราะเราจะไปเที่ยวเกาะแมวกันค่ะ ก็จะแต่งตัวสบาย ๆ ให้สะดวกกับการขึ้นรถลงเรือค่ะ
เมื่อเราเดินออกมาหน้าสถานี ก็จะมีป้ายรสเมล์ ที่เราสามารถใช้บริการไปท่าเรือได้ค่ะ หากจะใช้บริการแนะนำว่าให้บอกคนขับรถว่าต้องการไปลงที่ Ajishima Line ค่ะ เค้าจะได้ประกาศให้เราทราบเมื่อถึงป้ายที่เราต้องลงค่ะ เพราะปกติรถเมล์จะประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ แต่อย่างที่เล่าไปข้างต้นค่ะ Knot ดูแผนที่แล้ว และเปิด Google Map ช่วยเพื่อดูว่าใช้เวลาเดินกี่นาที และเห็นว่า 15 นาที เลยตัดสินใจเดินค่ะ แต่ความจริงเดินประมาณ 30 นาที ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนมาก ๆ ดีที่ยังพอมีตู้ให้ซื้อน้ำดื่มแก้ร้อนได้บ้างค่ะ
เราสองคนเริ่มเดินจากสถานีรถไฟไปตามเส้นทางที่มีรูปปั้นการ์ตูนของ อ ชูทาโร่ตั้งอยู่สองข้างทาง เส้นทางนี้จะพาเราไปพิพิธภัณฑ์การ์ตูนของอาจารย์ค่ะ แต่เราจะเลี้ยวขวาเดินไปริมแม่น้ำเพื่อไปยังท่าเรือค่ะ ระหว่างทาง Knot ก็ขอถ่ายรูปกับรูปปั้นการ์ตูนไปเรื่อย ๆ ค่ะ การ์ตูนที่ Knot ถ่ายรูปด้วยนั้นส่วนใหญ่จะมาจากเรื่อง Cyborg009 ค่ะ ซึ่งเป็นการ์ตูนที่หลายคนน่าจะเคยดูตอนเด็ก ๆ ค่ะ เก่าพอสมควรเลยค่ะ เป็นการ์ตูนรุ่นแรก ๆ เลยค่ะ
เดินไปได้สักสองบล็อก Knot ก็เห็นร้านขายซอฟต์ครีมค่ะ เราสองคนก็แวะเติมพลังกันอีกนิดค่ะ พนักงานในร้านน่ารักมา ถามว่าเราสองคนจะมาจากประเทศอะไร จะไปไหน และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของ Ishinomaki อีกทั้งยังให้หนังสือนำเที่ยว Ishinomaki กับเราด้วยค่ะ นอกจากเกาะแมวแล้วยังมีเกาะกวางด้วยนะคะ ถ้าใครสนใจก็ไปเที่ยวกันได้ค่ะ สำหรับ Knot ทริปนี้เรามีเวลาไม่กี่วันค่ะ ที่ Ishinomaki นี้คงได้เที่ยวแค่เกาะแมว หรือ Tashirojima Island เท่านั้นค่ะ ซอฟต์ครีมร้านนี้อร่อยมากค่ะ อนาคต Knot น่าจะกลับมาเที่ยวแถว ๆ นี้อีกครั้งค่ะ
สองข้างทางริมแม่น้ำ อยู่ระหว่างการทำสันเขื่อนเพื่อป้องกันสึนามิค่ะ จากการสังเกต เค้าสร้างสันเขื่อนด้วยดินและหินคลุก มีการบดอัดเป็นชั้น ๆ แล้วเทคอนกรีตหรือราดยางมะตอยไว้ด้านบนสำหรับจักรยาน ให้ประชาชนมาเดิน/วิ่งออกกำลังกายกันค่ะ ดูแล้วแข็งแรงมากเพื่อป้องกันไม่ให้ดินหรือหินไหลกลับมาทับบ้านเรือนประชาชนหากน้ำซัดเข้ามาค่ะ สันก็ปลูกหญ้าเพื่อเป็นพื้นที่สีเขียวดูสวยงามสะอาดตาค่ะ ริมทางเดินระหว่างการก่อสร้างจะมีราวกั้นเป็นลายการ์ตูนน่ารัก ๆ สมกับเป็นเมืองแห่งการ์ตูนค่ะ ทุกอย่างผ่านการคิดการออกแบบให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีเลิศค่ะ
ท่าเรือ Ferry – Ajishima Line
เวลาผ่านไปเกือบเที่ยง เราสองคนก็เดินมาถึงท่าเรือ Ferry เพื่อต่อเรือ Ajishima Line ไปยัง Tashirojima Island เรือใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ ท่าเรือที่เกาะจะมีสองท่าค่ะ Odomari และ Nitoda ซึ่งถ้ามีเวลาไม่เยอะ Knot แนะนำว่าให้ลงที่ Nitoda แล้วเดินย้อนขึ้นไปที่ Nekko Shrine แล้วกลับที่ท่าเดิมค่ะ เนื่องจาก Nitoda จะมีแมวมากกว่า เพราะเป็นหมู่บ้านใหญ่ที่มีร้านค้า ร้านอาหารที่อยู่บริเวณนั้นค่ะ แต่วันนี้เรามีเวลาชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ ก็จะลงที่ Odomori แล้วเดินไปยัง Nitoda เพื่อกลับจากท่านั้นค่ะ
เมื่อเราซื้อตั๋วเรือเรียบร้อย Knot ก็เปิดหนังสือเล่มที่ได้มาจากร้านขนมค่ะ เพื่อดูว่าเราจะลงท่าไหน แล้ววางแผนการเดินบนเกาะของเราเพื่อให้กลับทันเรือเที่ยวสุดท้ายค่ะ ต้องระวังมาก ๆ เพราะถ้าพลาดเราจะต้องค้างคืนที่เกาะค่ะ บนเกาะมีที่พักให้เราสามารถค้างคืนได้ ถ้าต้องการ แต่ควรจองล่วงหน้าค่ะ เพราะมีไม่เยอะค่ะ
เรือที่เราสองคนขึ้นเป็นรอบ 12.30 น จะไปถึงท่า Odomari เวลาประมาณ 14.10 น ค่ะ เรือลำนี้ชื่อ Mermaid II ค่ะ บนเรือจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเป็นครอบครัวกันหลายคน บางคนก็มาพร้อมอาหารและอุปกรณ์สำหรับการ Camping ค่ะ
ตอนขึ้นเรือเจ้าหน้าจะจะดูว่าเรามีตั๋วไหม แต่ไม่ได้เก็บไป จะเก็บตอนลงจากเรือค่ะ ถ้าซื้อตั๋วไป-กลับอย่างลืมเก็บตั๋วขากลับคืนมาด้วยนะคะ ต้องให้เจ้าหน้าที่ดูเวลาขึ้นเรือขากลับค่ะ ที่สำคัญที่ท่าเรือที่ขากลับไม่มีที่ซื้อตั๋วเรือนะคะ ถ้าไม่ซื้อมาน่าจะต้องซื้อที่เจ้าหน้าที่ค่ะ
ลงจากเรือตอนบ่ายสอง แดดเปรี้ยงมากค่ะ จนต้องกางร่ม เดินจากท่าเรือก่อนถึงหมู่บ้านมีคุณป้าสองท่านเปิดร้านขายของที่ระลึกเป็นรูปแมวหลายอย่าง มีน้ำและกาแฟขายด้วยค่ะ เราได้ถุงผ้าลายแมวมาหนึ่งไป พร้อมกับกาแฟดำเย็น 1 แก้วและน้ำเปล่า 1 ขวด คุณป้าชมด้วยว่ากางเกงน่ารัก! แผนที่ของเกาะจะบอกว่าเราจะเจอแมวอะไรที่ตรงจุดไหนบ้างค่ะ
การมาเที่ยวบนเกาะนี้ มีกฎอยู่ 3 ข้อที่นักท่องเที่ยงพึงปฏิบัติ ได้แก่ (1) ห้ามให้อาหารใด ๆ กับแมวบนเกาะ (2) ให้ระวังขณะถ่ายรูปบนถนนเพราะมีรถวิ่งผ่านได้ และ (3) ห้ามเข้าบ้านส่วนบุคคลก่อนได้รับอนุญาต
วันนี้เป็นวันแห่งการเดินจริง ๆ ค่ะ จากสถานีรถไฟมาท่าเรือ แล้วเรายังมาเดินข้ามเกาะกันด้วยค่ะ จาก Odomari จะมีถนนราดยางเป็นทางเดินไปยัง Nekko Shrine แล้วจะทอดไปยัง Shima no Eki หรือจุดพักซึ่งเป็นร้านอาหารและขายของที่ระลึกค่ะ เราสามารถนั่งนอกร้านและเล่นกับน้อง ๆ ได้ด้วยค่ะ
เดินจาก Odomari dock ผ่านหมู่บ้าน ผ่านป่า ประมาณ 20 นาที ตอนเดินผ่านหมู่บ้าน เราจะได้เจอน้องแมวหลายตัวค่ะ แต่พอออกจากหมู่บ้านแล้วก็จะไม่มีแมวให้เห็นจนเราเดินมาถึง Nekko Shrine หรือศาลเจ้าแมว ซึ่งอยู่เกือบ ๆ จะกลางเกาะกันเลยค่ะ บริเวณใกล้ ๆ ศาลเจ้า ก็จะมีแมวให้เราเล่นด้วยสองสามตัวค่ะ ดูเป็นแมวเจ้าถิ่นมากค่ะ
เดินเลยจากศาลเจ้าแมวมาไม่นาน ก็จะเจอ Rest Stop ให้เราได้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม หรือของที่ระลึกกันค่ะ ที่นี่รับเงินสดเท่านั้นนะคะ Knot ซื้อชา และของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมาด้วยค่ะ ชาที่ซื้อมาเป็นชาเขียว หอม อร่อย ดีเดียวค่ะ รายได้จากการขายของที่ระลึกนี้ ส่วนหนึ่งเค้านำไปใช้ในการเลี้ยงดูแมวบนเกาะด้วยค่ะ
อีกอย่างนึงที่ดีมาก ๆ บนเกาะนี้คือห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำบนเกาะทุกที่สะอาดมาก แม้ว่าจะดูเป็นห้องน้ำสาธารณะที่ไม่มีคนดูแลก็ตามค่ะ
จาก Shima no Eki มาจนถึง Nitoda Dock จะมีน้อง ๆ ให้เราเห็นตลอดเส้นทางค่ะ แต่ละจุดจะมีแมวหนึ่งถึงสองตัวประจำถิ่นอยู่ค่ะ เราเดินไปถึงเค้าก็จะออกมาต้อนรับบ้าง เมินเราบ้างค่ะ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราสองคนเดินหลงทาง เราจะเดินไปที่ท่าเรือ แต่กลายเป็นว่าเราเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ ก็มีแมวดำเจ้าถิ่นตัวหนึ่งเดินออกมา แล้วมองหน้าเราประมาณว่าเดินตามชั้นมาสิ จะพาไป แล้วเราสองคนก็เดินตามเจ้าตัวนั้นจนออกจากป่ากลับเข้าหมู่บ้านค่ะ พอถึงหมู่บ้าน น้องก็หันกลับมามองเราอีกทีประหนึ่งบอกลาเราค่ะ แสนรู้จริง ๆ ค่ะ
เมื่อเราเดินมาถึง Nitoda เราสองคนเดินไปยัง Photo Museum เค้ามีภาพของคนในหมู่บ้านและแมวเก่า ๆ สะสมไว้มากมาย ตั้งแต่สมัยก่อนสึนามี ภาพช่วงที่โดนสึนามิ และความเสียหายที่เกาะได้รับ รวมถึงภาพแมวในปัจจุบันด้วยค่ะ ปัจจุบัน จำนวนแมวบนเกาะเหลือไม่เยอะมากนัก เนื่องจาก เสียชีวิตไปจำนวนหนึ่งจากเหตุการณ์สึนามิ
พอใกล้ได้เวลาเรือเที่ยวสุดท้าย เราสองคนก็เดินไปนั่งรอที่ Nitoda Port ค่ะ ท่าเรือฝั่งนี้ใหญ่กว่าท่าเรือของ Odomari มากทีเดียวค่ะ ที่ท่าเรือนี้เราจะเห็นชาวประมงญี่ปุ่นทำประมง มีตั้งเอาเรือเล็กออกไปลงแห เรือใหญ่ออกไปลากอวน แม้กระทั่งนั่งตกปลาก็มีค่ะ
ท่าเรือ Nitoda มีการแบ่งพื้นที่สำหรับตกปลา และท่าเรือสำหรับเรือใหญ่แยกออกจากกันค่ะ ชาวประมงตกปลา ก็ยังมีแมวนั่งเฝ้าค่ะ น่าจะรอกินปลาที่เค้าตกได้ค่ะ
พอเรือมาเราสองคนก็ขึ้นเรือเที่ยวสุดท้ายกลับ Ishinomaki ค่ะ แล้วเราสองคนก็เดินผ่านเมืองเส้นทางเดิมกลับไปยังสถานีรถไฟ Ishinomaki แล้วนั่ง JR Senseiki Line กลับไป Sendai ค่ะ ระหว่างทางก็ถ่ายรูปอาคารบ้านเรือนที่ตกแต่งสมกับเป็นเมืองการ์ตูนไปเรื่อย ๆ ค่ะ
Dinner @Sendai
มื้อค่ำวันนี้ เราสองคนอยากกินปิ้งย่างค่ะ Knot ค้นหาร้านอาหารจาก Google และร้านที่เราเลือกน่าทานมาก อยู่ในตึก Herb Sendai ชั้น 8 ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ สถานีรถไฟ Sendai ค่ะ แต่พอเราไปถึง โต๊ะเต็ม เราต้องจองไว้ก่อน แล้วกลับมาอีกตอน 2 ทุ่ม รอประมาณ 1 ชม ค่ะ ระหว่างรอเราก็ไปเดินที่ถนนช้อปปิ้งเส้นเดิมและซื้อทาโกะยากิกินรองท้องกันก่อนค่ะ ลองสังเกตในภาพนะคะ คิวยืนรอซื้อทานในร้านยาวมาก แต่ถ้าซื้อกลับบ้านไม่มีคนเลยค่ะ Knot เลยซื้อแล้วเปิดกล่องยืนทานแถว ๆ หน้าร้านค่ะ
วัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นอีกอย่างที่เรียนรู้ได้คือเค้าจะไม่เดินกินค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เค้าจะซื้อแล้วยืนกินให้เรียบร้อย แล้วจึงจะเดินต่อไปค่ะ การซื้อแล้วยืนทานหน้าร้าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนญี่ปุ่น แต่ถ้าเราซื้อแล้วเดินกินไปเรื่อย ๆ บางครั้งเราจะโดนมองแปลก ๆ ได้ค่ะ จริง ๆ ตามมารยาทหรือสมบัติผู้ดีของคนไทย การเดินกินหรือยืนกินก็ถือว่าไม่มีมารยาทนะคะ
Kotora Sendaiekimae Yakiniku
พอได้เวลาเราสองคนก็เดินกลับไปที่ร้าน Kotora Sendaiekimae เป็นร้าน Yakiniku ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟเซนได อยู่ชั้น 8 อาคาร Herb Sendai ค่ะ ราคาค่อนข้างสูงพอสมควร แต่คุณภาพอาหารจัดได้ว่าดีมากค่ะ หอยเชลล์คือดีเลิศ คุณ Juth บอกว่าเนื้อดีกว่าร้าน Tamaruya Honten ที่เราชอบทานกันที่ Central World ในราคาใกล้เคียงกันค่ะ
เราไปกันสองคน สั่งเนื้อวัว 1 อย่าง เนื้อหมู เบคอน หอยเชลล์ ซุปสาหร่าย ชาร้อน และข้าวเปล่า คุณ Juth ทำหน้าที่ปิ้งย่างเหมือนเดิม Knot กินอย่างเดียวค่ะ อร่อยมาก ขนาดไม่ใช่เนื้อวัวนะคะ สองคนมื้อนี้หมดไป 8,835 เยน หรือประมาณ 2,900 บาทค่ะ ที่ญี่ปุ่นไม่ต้องทิปนะคะ
หอยเชลล์ย่างเนยเสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศสค่ะ หอมอร่อย แต่ทานเยอะ ๆ จะเลี่ยน ๆ หน่อยค่ะ แต่อร่อยมาก ใครจะไปเที่ยวเซนได Knot ขอแนะนำให้ไปชิมเนื้อย่างร้านนี้ค่ะ หากไม่ทานเนื้อก็ยังสามารถอร่อยกับหมูและอาหารทะเลได้ค่ะ หรือจะสั่งอาหารเมนูอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ปิ้งย่างก็ได้ค่ะ Knot แอบเห็นโต๊ะข้าง ๆ เค้าสั่งอาหารเป็นเซ็ตค่ะ ดูน่าทานมากค่ะ
กว่าจะจบมื้อค่ำ ก็เกือบสี่ทุ่มค่ะ ร้านรวงต่าง ๆ ปิดเกือบหมดแล้ว เราสองคนก็เลยเดินกลับที่พัก แวะซื้อน้ำที่ Family Mart หน้าโรงแรมก่อนขึ้นไปพักผ่อน เตรียมตัวไปเที่ยวอ่าวมัตสึชิมะ หรือ Matsushima Bay กันแต่เช้าค่ะ แล้ว Knot จะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกันต่อในโพสต์ต่อไปนะคะ Knot ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านโพสต์ยาว ๆ ของ Knot มาจนจบนะคะ ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม Facebook และ IG @TripsinMyMemory หรือ www.tripsinmymemory.com และกด Subscribe YouTube: Trips in My Memory ด้วยนะคะ จะได้ร่วมเดินทางและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ไปด้วยกันค่ะ